ไวไวปลี้ม 7 เดือนปีนี้มาร์เก็ตแชร์พุ่งกว่า 30% ตั้งเป้าทำส่วนแบ่งตลาดปีละ 6% คาดอีก 4 ปี ข้างหน้า เตรียมผงาดป็นผู้นำบะหมี่ซอง

กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--เบรน ฟอร์ส ไวไวปลี้ม 7 เดือนปีนี้มาร์เก็ตแชร์พุ่งกว่า 30% ตั้งเป้าทำส่วนแบ่งตลาดปีละ 6% คาดอีก 4 ปี ข้างหน้า เตรียมผงาดป็นผู้นำบะหมี่ซอง พร้อมนำนวัตกรรมใหม่เสริมใส่ในผลิตภัณฑ์ เผย 2 รสชาติใหม่ล่าสุดช่วง 3 เดือนแรกจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ 3% แน่นอน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2545 เวลา 13.30 น. ที่โรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัล นายปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้จัดการพร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไว ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไวรส "ต้มยำกุ้งน้ำข้น-น้ำใส" พร้อมการเปิดตัวที่ปรึกษาด้านพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ คือ หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ร่วมกับ หม่อมหลวงศิริเฉลิม "คุณหมึกแดง" รวมถึงการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาที่ที่ปรึกษาฯ ทั้งสองได้ให้เกียรติเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยกำหนดออกอากาศในวันที่ 4 ตุลาคมศกนี้ ซึ่งมีความยาว 60 วินาที นายปรีชาได้กล่าวว่า นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่ยุคทายาทรุ่นที่ 2 ทางบริษัทฯ ได้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดซึ่งหนึ่งในนโยบายหลัก คือ การสร้างทีมงานเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ โดยทางบริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนาบุคคลกรอย่างสม่ำเสมอ ทำให้บริษัทมีทีมงานที่แข็งแกร่งในเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาดและการขาย โดยใช้นโยบายการบริหารแบบ "On the job training" และ "Off the job training" ตามแนวคิดที่ว่า"The man for all system" ดังตัวอย่าง สโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ได้ซุ่มซื้อนักเตะหลายล้านปอนด์เพื่อต้องการให้ชนะแต่สุดท้ายก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรสู่ทีมที่ได้แชมป์ปีที่แล้วไม่ได้ ที่ไม่ได้ทุ่มเทซื้อนักแตะแพงมากมาย แต่ได้มีการฝึกฝนนักเตะจากทีมเยาวชนซึ่งเป็นนักเตะที่มีหน่วยก้านดี ไม่ได้ค่าตัวแพงแต่อย่างใด แต่พวกเขาก็สามารถเป็นแชมป์ได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดียวกันกับที่ทางบริษัทฯ ใช้อยู่ในปัจจุบัน และผลจากการที่ไวไวมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนั้น ทำให้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายอื่นๆ ต้องปรับองค์กรพร้อมเปลี่ยนยุทธวิธีการตลาดจากที่เคยใช้อย่างเดิมๆ เพื่อให้ก้าวทันบริษัทของเรา ทั้งนี้นายปรีชายังกล่าวอีกว่า ยอดขาย 7 เดือนแรกของปี 2545 ทางบริษัทฯสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 21.5% ซึ่งทางบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะทำส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ปีละ 6% และคาดว่าจะเป็นผู้นำตลาดบะหมี่ซองได้ในปี 2549 เป็นอย่างช้าและในวันนี้นอกจากทางบริษัทฯจะได้นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไวรส"ต้มยำกุ้งน้ำข้น-น้ำใส" ออกสู่ท้องตลาดแล้ว ทางบริษัท ยังได้รับเกียรติจากปรมาจารย์ที่เป็นที่รู้จักในวงการอาหารของเมืองไทย นานกว่าสีสิบปีและท่านเป็นผู้ชิมให้กับอีกหลายบริษัท หลังจากที่ท่านได้พบปะผู้บริหารของบริษัทฯ และตรึกตรองดูแล้ว ท่านก็ได้ตกลงใจเป็นที่ปรึกษาให้กับทางไวไว เนื่องจากเรามีแนวทางและเจตนารมณ์ในการทำงานที่ตรงกัน ท่านผู้นี้คือ หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ซึ่งทางไวไวได้ใช้ความพยายามอย่างสูงในการทาบทาม เพื่อให้ท่านมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัทฯ เสมือนตอนหนึ่งของสามก๊กที่กล่าวว่า เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ได้พยายามที่จะหากุนซือหรือปรมาจารย์ ด้านการรบและการปกครอง โดยต้องใช้ความพยายาม ถึง 3 ครั้ง จึงจะได้ จูกัดเหลียงหรือขงเบ้ง มาเป็นปรมาจารย์ หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เข้ารับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการด้านพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ร่วมกับหม่อมหลวงศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์หรือคุณหมึกแดง และนอกจากนี้ทั้งสองท่านยังร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ล่าสุดของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไวในครั้งนี้ คือรสต้มยำกุ้งน้ำข้น-น้ำใส ซึ่งที่ทางบริษัทฯได้ คิดค้นสูตรดังกล่าวไว้นานแล้วแต่สาเหตุที่นำออกสู่ตลาดล่าช้า เนื่องจากเราต้องการพัฒนาจนมั่นใจที่จะให้ผลิตภัณฑ์ ออกวางตลาดอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเน้นปรับกลยุทธ์และนำนวัตกรรมใหม่ใส่ลงในผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติที่มีส่วนของเครื่องปรุงรสเข้มข้นถึงเนื้อถึงน้ำอย่างแท้จริง มีรสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับของไวไว และที่สำคัญที่สุดทั้งสองผลิตภัณฑ์ ยังได้รับการรับรองด้านรสชาติจากที่ปรึกษาฯทั้งสองท่านที่สังคมยอมรับว่า เป็นผู้รอบรู้ในวงการอาหารทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนวัตกรรมในเรื่องของรสชาติแล้ว ทางบริษัทฯยังได้เป็นผู้นำนวัตกรรมด้าน "DUAL PRODUCT" โดยออก 2 รสชาติในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่เคยมีบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใดทำมาก่อน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยใช้ซองแบบ METALLIC ที่มีสีสันโดดเด่นสะดุดตาด้วยรูปลักษณ์ทันสมัยยิ่งขึ้น นายปรีชากล่าว กรรมการผู้จัดการ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางบริษัทฯ คาดว่าการออกรสชาติใหม่ทั้งสองของบริษัทฯ ในครั้งนี้จะสามารถทำยอดขายประมาณ 250 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกได้อย่างแน่นอน และจะเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีกประมาณ 3% ดังนั้น ส่วนครองตลาดของบริษัทฯ ในปี 2545 จะเพิ่มเป็น 31-32% โดยมั่นใจว่าสินค้าทั้งสองรสชาติจะเพิ่มส่วนครองตลาดได้ 8-10% ในปี 2546 ซึ่งนั่นหมายความว่าจะทำให้ทางบริษัทฯ เติบโตและมีส่วนครองตลอดอยู่ที่ 37-38% ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้งบโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งสองรสชาติในช่วงแรกประมาณ 80 ล้านบาท--จบ-- -ปส-

• ข่าวโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย
• ข่าวโรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัล
• ข่าวโรงงานผลิตภัณฑ์อาหาร
• ข่าวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
• ข่าวปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ