ปลัดกทม.ร่วมเสวนาทางวิชาการเรื่อง กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์สำหรับคดีความรุนแรงในครอบครัวฯ

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--กทม. เมื่อวันที่ (12 พ.ย.45) เวลา 13.30 น. ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค นางณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมการเสวนาทางวิชาการเรื่อง กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์สำหรับคดีความรุนแรงในครอบครัว : ความเป็นไปได้ของโครงการ "โรงซ่อมสามี ในสังคมไทย" จัดโดย กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ โครงการพัฒนาระบบกฎหมายไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยมี นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม รองอัยการสูงสุด ดร.สุธีรา วิจิตรานนท์ นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ อาจารย์จุฑารัตน์ เอื้ออำนวย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมการเสวนา ปัจจุบันปัญหาความรุนแรงที่เกิดกับผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นในคนทุกกลุ่ม ทุกระดับของสังคมตามภาวะความตึงเครียดอันเนื่องจากวิกฤติทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่เว้นแม้แต่ในบ้าน ในครอบครัวซึ่งเคยเป็นหลักที่พึ่งพิงทางร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ผู้หญิงยังตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในที่ทำงาน สถานศึกษา และที่สาธารณะ ถูกซื้อขายเป็นสินค้า และน่าเป็นห่วงว่าหญิงผู้ประสบกับความรุนแรงในสังคมนั้นบางครั้งไม่อาจหาทางออกได้ จึงใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือแก้ไขผู้กระทำต่อตน ซึ่งเป็นการเพิ่มปัญหาความรุนแรงและเกิดผลต่อสังคมโดยรวม การใช้ความรุนแรงระหว่างสามีกระทำต่อภรรยาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงเป็นปัญหาหนึ่งของสังคมที่จะต้องหามาตรกา รวมถึงแนวคิดใหม่ๆ เข้ามาแก้ไขปัญหาและบรรเทาสาเหตุไม่ให้เพิ่มความรุนแรงต่อไป ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ได้นำเสนอโครงการ "โรงซ่อมสามี" โดยนำเอาหลักวิชาการเรื่อง กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) ที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาของทุกฝ่าย ทั้งผู้กระทำผิดและเหยื่อของอาชญากรรมมาใช้ ซึ่งถือเป็นแนวคิดหนึ่งที่ทำให้ความรุนแรงบรรเทาลงด้วยการฟื้นฟู บำบัด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำความรุนแรงโดยสร้างเจตคติที่ดีต่อตนเองและคนในครอบครัว รวมทั้งมีการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางวิชาการและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ในการจัดการกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวด้วยวิธีสมานฉันท์ต่อไป ด้านปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางปฏิบัติของกรุงเทพมหานครต่อปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในสังคมยุคปัจจุบันว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการร่วมกับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี และมีการวางแผนในการทำงานร่วมกัน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.45 ได้ประชุมและพูดจากันถึงเรื่องความรุนแรงในครอบครัว โดยมีกรมสุขภาพจิต กรมคุมประพฤติ และสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีเป็นแกนนำ และมีความเห็นร่วมกันว่าชื่อโครงการ "โรงซ่อมสามี"น่าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นที่ดีกว่า อาทิ โครงการคืนคนดีสู่ครอบครัว เป็นต้น ขณะนี้ กทม.มี 50 เขต มีชุมชนหลากหลาย ทั้งชุมชนขนาดใหญ่ ชุมชนขนาดกลาง ชุมชนแออัด หมู่บ้านจัดสรร เป็นต้น วิธีการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่ดีที่สุดในสังคมปัจจุบันคือการใช้ชุมชนบำบัด ซึ่งเริ่มต้นจากคนในชุมชนก่อน โดยปลูกจิตสำนึกแก่คนในครอบครัวว่า การมีครอบครัวนั้นเป็นการอยู่ร่วมกัน มีบทบาทเท่าเทียมกัน สามีภรรยาต้องให้เกียรติและหมั่นดูเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน แบ่งงานกันทำ เอื้ออาทรต่อกัน ครอบครัวจึงจะมีความอบอุ่น จากนั้นค่อยออกไปสู่สังคมโดยใช้ชุมชนบำบัดและสะท้อนให้คนในสังคมเห็นว่า การมีสามีและภรรยาเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสังคม รวมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งเชิงรุกและรับในเชิงบูรณาการให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มีมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้ชุมชนในพื้นที่เขตดอนเมืองเป็นชุมชนนำร่องในเรื่องของการใช้ชุมชนบำบัดเพื่อแก้ไขความรุนแรงในครอบครัว จัดให้มีการประชุมองค์กรและประชาชนในชุมชนทั้งหมดเพื่อทำความเข้าใจถึงบทบาทและปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ตลอดจนหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งนี้การดำเนินงานดังกล่าวจะลงไปสู่รากลึกที่แท้จริงของปัญหา และใช้ 2 มาตรการในการแก้ไขคือมาตรการป้องกันและมาตรการแก้ไขไปพร้อมๆกัน รวมทั้งใช้ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสที่มีอยู่ในชุมชนเป็นพื้นที่หลักในการดำเนินการบำบัดเยียวยาผู้ที่มีปัญหาสังคม นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังมีศูนย์บริการสาธารณสุขและศูนย์บริการสาธารณสุขสาขาตามชุมชนต่างๆ หลายแห่ง ที่จะทำหน้าที่ในการบำบัด เยียวยาในกรณีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ โดยมีการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างศูนย์บริการฯ ที่อยู่ในชุมชนไปยังศูนย์แม่และโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ที่ให้การบำบัดผู้ป่วยนั้นต้องเป็นผู้ที่รับฟังปัญหาต่างๆ ได้โดยไม่ซ้ำเติมผู้ป่วย มีการใช้หลักจิตวิทยาในการรักษา มีความคิดเห็น ทัศนคติที่ดี และมีความรู้สึกว่า ผู้ที่เข้ารับการบำบัดทุกคนได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจมาแล้ว จึงต้องมีความเมตตา และทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วยเป็นสำคัญ นอกจากนี้ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของสังคมไทยในปัจจุบัน วันนี้ตนดีใจที่ได้เห็นทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันหาทางออกของปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งตนคิดว่าวิธีแก้ไขนั้นจะต้องเริ่มจากตัวเอง เป็นสำคัญ--จบ-- -นห-

• ข่าวสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
• ข่าวสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี
• ข่าวกองทุนสนับสนุนการวิจัย
• ข่าวโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค
• ข่าวกิตติพงษ์ กิตยารักษ์