กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
แพทย์เตือนอย่าอาย โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดในคนจำนวนมากและรักษาได้
จากงานเสวนาสุขภาพเรื่อง "สุขภาพดี ชีวิตวัยทอง" ซึ่งจัดโดยศูนย์ข้อมูลสุขภาพเพศชาย ร่วมกับ บริษัท ไฟเซอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาและการดูแลสุขภาพทางเพศในวัยทองแก่ประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยมีผู้ร่วมงานกว่า 300 คน
ศ. น.พ. เอนก อารีพรรค สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ กล่าวถึงปัญหาของวัยทองว่า ผู้ที่อยู่ในวัยทองมักจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เนื่องจากผู้ที่มีอายุประมาณ 40-59 ปี จะเป็นวัยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทางร่างกายในผู้หญิงวัยทอง รังไข่จะหยุดทำงานและฮอร์โมนเพศจะลดลง ประจำเดือนหมด ผิวหนังแห้ง อวัยวะสืบพันธุ์เปลี่ยนแปลง เส้นเลือดหัวใจและสมองตีบลง อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ หรือกระดูกพรุน ส่วนในผู้ชายปัญหาวัยทองอาจไม่เกิดกับทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงที่พบได้ คือ ฮอร์โมนค่อยๆ ลดต่ำลง หรือบางคนประมาณร้อยละ 10 อาจมีอาการร้อนวูบวาบ มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ กล้ามเนื้อเล็กและอ่อนแอลง กระดูกพรุน ความต้องการทางเพศลดลง และเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
ทั้งนี้ โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือโรคอีดี นับเป็นปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในวัยทอง เนื่องจากโรคอีดีจะมีความสัมพันธ์กับโรคทางกาย เช่น หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไต ซึ่งผู้ที่อยู่ในวัยทองมักจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหล่านี้ ดังนั้น วิธีการป้องกันและรักษาโรคอีดีจึงจำเป็นต้องป้องกันและรักษาโรคดังที่กล่าวมาด้วย รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงทั้งกายและใจ รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ หมั่นออกกำลังกาย และการมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอก็อาจมีส่วนป้องกันได้บ้าง เพราะการมีเพศสัมพันธ์ก็เหมือนการออกกำลังกายอย่างหนึ่งนั่นเอง
รศ. น.พ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ ที่ปรึกษาศูนย์ข้อมูลสุขภาพเพศชาย กล่าวถึงปัญหาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายวัยทองว่า ผู้ชายไทยในวัยทองมีปัญหาโรคหย่อนฯ จำนวนมาก ซึ่งเป็นผลการศึกษาระบาดวิทยา โดยสถาบันนิด้า ร่วมกับบริษัท ไฟเซอร์ฯ และศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ พบว่า คนไทยอายุ 40-70 ปี มีปัญหาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศกว่า 3 ล้านคน
"โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คือ การที่องคชาตไม่แข็งตัวหรือคงการแข็งตัวเอาไว้ได้ไม่เพียงพอที่จะมีความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าปัญหานี้จะเกิดกับผู้ชาย แต่ก็มีผลต่อผู้หญิงซึ่งเป็นคู่ด้วย ในตำราสมัยก่อน มีความเชื่อว่า โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศส่วนใหญ่มีสาเหตุมา จากจิตใจ แต่ในปัจจุบันมีการค้นพบว่า สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 80 มาจากร่างกาย โดยมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คือ ร้อยละ 20 ที่มาจากจิตใจ" รศ. นพ.สมบุญ กล่าวและเสริมว่า"ปัจจุบันเป็นที่ทราบและยอมรับกันทั่วไปแล้วว่า ชายไทยป่วยเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคนี้จึงไม่ต้องเป็นกังวล และไม่ต้องอายที่จะมาพบแพทย์ เพราะมีวิธีการรักษามากมายที่ให้ผลการรักษาได้เกือบ 100%"
การรักษาผู้ป่วยโรคอีดี มักเริ่มต้นด้วยวิธีง่ายๆ คือ การให้ยารับประทานซิลเดนาฟิล หรือบางคนอาจใช้วิธีอื่นในภายหลัง"ในการให้ยารับประทาน ชนิดเม็ด ซึ่งไม่ใช่ยาปลุกอารมณ์เพศ แต่จะช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น โดยมีการใช้กันมา 4-5 ปีแล้ว ซึ่งมีรายงานการแข็งตัวขององคชาตดีขึ้นถึงร้อยละ 80 ในบุคคลที่เป็นอีดีโดยทั่วไป สำหรับบุคคลที่มีอาการของโรคอื่นร่วมด้วย ยาชนิดรับประทานซิลเดนาฟิล จะช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น โดยจะออกฤทธิ์ได้ดีในคนหนุ่มที่เป็นโรคไขสันหลังพิการถึงร้อยละ 90 เพราะเส้นประสาทและเส้นเลือดยังดีอยู่ เพียงแต่ไขสันหลังพิการ และออกฤทธิ์ปานกลางในคนที่เป็นเบาหวานคือประมาณร้อยละ 60 เพราะการที่เป็นเบาหวานนานๆ จะทำให้เส้นประสาทเสื่อมและเส้นเลือดตีบ กลุ่มนี้ไม่ว่าจะใช้ยาอะไรก็จะได้ผลไม่สูงมากนัก ส่วนในผู้ป่วยที่ผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก จะออกฤทธิ์ได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 50 เนื่องจากเส้นประสาทที่มาเลี้ยงองคชาตจะอยู่ชิดกับต่อมลูกหมาก เมื่อผ่าตัดต่อมลูกหมาก โอกาสที่จะเป็นอันตรายต่อเส้นประสาทได้มาก" รศ. นพ. สมบุญกล่าว
ผลข้างเคียงของยารับประทาน คือ ปวดศีรษะ หน้าแดง และท้องอืดอาหารไม่ย่อย ซึ่งพบน้อย นอกจากนี้ยังมีผลต่อการมองเห็นโดยทำให้แสงจ้าขึ้น แต่ผลข้างเคียงนี้จะเป็นเพียงชั่วครู่แล้วจะหายไปเป็นปกติ และข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้ควบคู่กับยารักษาโรคหัวใจประเภทไนเตรท และขณะนี้ มียาปลอมระบาดมาก จึงควรรับสั่งยาจากโรงพยาบาลหรือคลินิกเท่านั้น
สำหรับยาอมใต้ลิ้น แพทย์มักจะสั่งให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยารับประทานให้ อาทิ ผู้ที่ใช้ยาไนเตรทอยู่ ยาอมใต้ลิ้น มีขนาด 2 และ 3 มิลลิกรัม ทั้งสองชนิดใช้ได้ผลร้อยละ 40 กว่า โดยชนิด 3 มิลลิกรัม ให้ผลดีกว่า 2 มิลลิกรัม แต่มีข้อเสียคือ ทำให้คลื่นไส้อาเจียน
ส่วนการวิธีการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียม การใช้ยาฉีด การใช้ยาสอด และการผูกเส้นเลือดดำ เป็นต้น ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป โดยแพทย์จะพิจารณาวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
นอกจากนี้ ภายในงานเสวนาสุขภาพ เรื่อง "สุขภาพดี ชีวิตวัยทอง" ยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาให้คำปรึกษาและไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคยอดฮิตในวัยทองอย่างใกล้ชิด อาทิ โรคหัวใจ
โรคระบบทางเดินปัสสาวะ การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ปัญหาสุขภาพทางเพศในวัยทอง ปัญหาผิวหนังในวัยทอง โรคสมองเสื่อมในวัยผู้สูงอายุ ตลอดจนมีการแนะนำวิธีทดสอบสมรรถภาพทางเพศด้วยตนเอง ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจทดสอบเป็นจำนวนมาก โดยเป็นแบบทดสอบสุขภาพทางเพศด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยตนเองเกี่ยวกับการมีกิจกรรมทางเพศในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ทราบถึงปัญหาและขอคำปรึกษาจากแพทย์ เช่น จำนวนครั้งของการมีเพศสัมพันธ์ที่พึงพอใจ ความมั่นใจในความสามารถของการคงการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ความสามารถในการสอดใส่อวัยวะเพศเมื่อได้รับการรบเร้าทางเพศ ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ที่สามารคงการแข็งตัวของอวัยวะเพศอยู่ได้หลังจากที่สอดเข้าไปในช่องคลอดแล้ว และความสามารถในการคงการแข็งขัวของอวัยวะเพศไว้ได้จนกว่าจะเสร็จกิจ เป็นต้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ :
คุณปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล
คุณกุนธิรา ณัฐวัฒนานนทน์
บริษัท พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส จำกัด
โทร. 0-2651-8989 ต่อ 330, 223
แฟกซ์ 0-2651-9649-- จบ--
-พห-