165 บริษัทจดทะเบียนจ่ายปันผลปี 45 สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ

กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์สรุปสถิติการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนปี 2545 พบ 165 แห่งจ่ายปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยฝากประจำ 12 เดือนของธนาคาร ซึ่งในปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงสุดร้อยละ 3 ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดร้อยละ 44.8 โดย 105 บริษัท มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกว่าร้อยละ 7 และบริษัทจดทะเบียนที่ปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทยวาฟู้ดโปรดักส์ อมตะ คอร์ปอเรชั่น แฟนซีวู๊ด อินดัสตรีส สินมั่นคงประกันภัย และไดนาสตี้ เซรามิค นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผย ว่าบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ใหม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2545 รวม 184 บริษัท คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลที่จ่ายถึง 54,188.12 ล้านบาท สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงสุดได้แก่ บมจ.ไทยวาฟู้ดโปรดักส์ (TWFD) ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลสูงสุดถึงร้อยละ 44.8 ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนอีกถึง 105 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเกินร้อยละ 7 ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 27 บริษัท ที่จ่ายเงินปันผลมากกว่าร้อยละ 12 "หากจะเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนในปี 2545 และภายในระยะเวลาที่เท่ากันคือ 1 ปี ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นสามัญสามารถให้ผลตอบแทนดีกว่าการออมในรูปของเงินฝากธนาคารอย่างเห็นได้ชัด และหากเปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุน (รวมดอกเบี้ยและกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์) ในหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะเวลา 1 ปีเท่ากัน ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ร้อยละ 9.61 นั้น ก็พบว่า มีบริษัทจดทะเบียนถึง 53 บริษัทที่ให้อัตราผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสูงกว่าการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว ดังนั้น การลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสูง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารอัตราคอกเบี้ยค่อนข้างต่ำอย่างในปัจจุบัน" นางสาวโสภาวดีกล่าว ผลการดำเนินงานปี 2545 มีบริษัทจดทะเบียนถึง 165 บริษัท จาก 24 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสูงกว่าอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้อัตราผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มของใช้ในครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 12.98 กลุ่มบริการเฉพาะกิจ คิดเป็นร้อยละ 10.67 กลุ่มคลังสินค้าและไซโล คิดเป็นร้อยละ 10.11 กลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ คิดเป็นร้อยละ 9.88 และ กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต คิดเป็นร้อยละ 9.45 สำหรับบริษัทที่จ่ายปันผลสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ บริษัท ไทยวาฟู้ดโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TWFD) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AMATA) บริษัท แฟนซีวู๊ด อินดัสตรีส จำกัด (มหาชน) (FANCY) บริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด (มหาชน) (SMK) และบริษัท ไดนาสตรี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) (DCC) "อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่ค่อนข้างสูง จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างน้อย ฉะนั้นหากนักลงทุนหันมาให้ความสนใจหุ้นในกลุ่มเหล่านี้มากขึ้น และใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจอย่างรอบคอบ ก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่ามากขึ้น" ประธานกรรมการบริหารศูนย์ระดมทุนกล่าวสรุป--จบ-- -ศน-

• ข่าวโสภาวดี เลิศมนัสชัย
• ข่าวสินมั่นคงประกันภัย
• ข่าวไดนาสตี้ เซรามิค
• ข่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ
• ข่าวตลาดหลักทรัพย์