กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--กทม.
เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.46) เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมอินทรารีเจ้นท์ เขตราชเทวี นายพงษ์ศักดิ์ เสมสันต์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านบัญชี รุ่นที่ 1 โดยมี นายชาญ ภัทรกานต์ รองผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. นายหรรษารมย์ โกมุทผล ผู้อำนวยการส่วนจัดการฝึกอบรม สถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีเปิด
รองผู้อำนวยการสำนักการคลัง กล่าวรายงานว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้อนุมัติให้สำนักการคลังดำเนินการโครงการพัฒนาระบบบัญชีของกรุงเทพมหานคร โดยพัฒนาระบบบัญชีตามหลักเงินสดเป็นระบบบัญชีตามเกณฑ์คงค้าง ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับภาครัฐบาลและความเหมาะสมกับลักษณะงานของกรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบบัญชีกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการจัดวางระบบบัญชีและร่างคู่มือการบัญชีของกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการจัดทำคู่มือการบัญชีของกรุงเทพมหานครตามหลักเกณฑ์คงค้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สำหรับการจัดอบรมครั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมซึ่งเป็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานทางการบัญชีของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ระดับ 1 – 8 ประกอบด้วย หัวหน้าฝ่ายการคลังของสำนักและสำนักงานเขต เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการบัญชี บุคลากรของโรงพยาบาลและวิทยาลัยในสังกัดสำนัก การแพทย์ สำนักงบประมาณ กองตรวจสอบภายใน สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร สำนักการคลัง ให้มีความรู้ ความเข้าใจในระบบบัญชี การดำเนินงานด้านบัญชี และนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปของกรุงเทพมหานครจากการบันทึกบัญชีตามหลักเกณฑ์เงินสดเป็นการบันทึกบัญชีตามหลักเกณฑ์คงค้าง และเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นระบบและดำเนินไปในทิศทางเดียวกันสอดคล้องกับภาครัฐบาลต่อไป โดยกำหนดแบ่งการฝึกอบรมเป็น 3 รุ่น ตั้งแต่วันที่ 8 - 12 ก.ย. 46 มีผู้เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 410 คน
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงระบบบัญชีจากระบบเงินสดเป็นระบบบัญชีคงค้าง เป็นส่วนหนึ่ง ของการปฏิรูประบบราชการที่ต้องการให้หน่วยงานทุกหน่วยงานภายในประเทศใช้ระบบการบริหารการเงินการคลังเป็นระบบเดียว นอกจากนี้ระบบบันทึกข้อมูลการเงินการคลัง ต่อไประบบการเงินการคลังจะมี 2 ระบบ คือ ระบบบัญชีคงค้างกับระบบการบันทึกข้อมูลทางการบัญชีจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เป็นมาตรฐานการเงินการบัญชีภาครัฐบาล ซึ่ง 5-6ปีที่ผ่านมา เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาระบบการเงินการคลังเป็นอย่างมาก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเบื้องต้น และได้เข้ามาตรวจสอบฐานะทางการเงินของประเทศ พบว่าระบบการเงินการบัญชีของประเทศไทยไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งนี้เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐแม้จะใช้ระบบบัญชีแบบเดียวกันแต่มีวิธีปฏิบัติแตกต่างกัน อาทิ วิธีลงข้อมูลทางด้านหลักทรัพย์และทรัพย์สิน การนิยามเกี่ยวกับทรัพย์สินต่างๆ ข้อมูลที่มีอยู่ไม่ทันสมัย เป็นต้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ IMF จึงได้เสนอให้รัฐบาลไทยรีบปรับปรุงฐานข้อมูลทางบัญชีให้ได้มาตรฐานโลก แต่การที่จะเปลี่ยนแปลงระบบบัญชีสู่ระบบใหม่นี้เป็นเรื่องยากจึงต้องมีการศึกษาและทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อประโยชน์ของการบริหารการเงินและการบัญชีของประเทศต่อไป--จบ--
-นห-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit