“พงศ์เทพ” ระบุปัญหาอาชญากรรมทางเพศต้องรีบแก้ไข

กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--กระทรวงยุติธรรม “พงศ์เทพ” ระบุหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมต้องช่วยกันแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเพศ เผยเป็นตัวการทำลายขวัญประชาชนและสะท้อนการทำงานของกระบวนการยุติธรรม พบสถิติผู้กระทำผิดมีอายุน้อยลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ (25 มิถุนายน 2546) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ยุติธรรมเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชการ เรื่อง “อาชญากรรมทางเพศ” (Sex Crime) ซึ่งจัดโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาอาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมทางเพศเป็นสิ่งที่บั่นทอนขวัญของประชาชนทั้งยังเป็นสิ่งที่สะท้อนการทำงานของกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบอาชญากรรมทางเพศมีอายุน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการสัมมนาในวันนี้จึงเป็นการนำเสนอความรู้เรื่องอาชญากรรมทางเพศเพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญและช่วยกันแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดทางเพศที่มีความรุนแรงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีสาเหตุจากสังคมไทยมีสิ่งยั่วยุมากขึ้น “ การป้องกันอาชญากรรมทางเพศเป็นเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นเด็ก ซึ่งกลไกภาครัฐจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาโดยจะต้องเน้นการบำบัด ฟื้นฟูผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำ ในขณะเดียวกันจะสามารถฟื้นฟูเหยื่อได้อย่างไร” รมว. ยุติธรรมกล่าว ด้าน Prof.Barry J Coyne จากมหาวิทยาลัยฮาวาย กล่าวว่า ผู้ก่ออาชญากรรมทางเพศมีสาเหตุจูงใจหลายประเภท อาทิผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ผู้ที่ขาดการขัดเกลาทางสังคม ผู้ที่ขาดสามัญสำนึก ผู้ที่มีอาการคลั่งไคล้ทางเพศ ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาจะออกแบบโปรแกรมการบำบัดให้กับผู้ที่ก่ออาชญกรรมทางเพศแต่ละประเภทเพื่อให้เกิดผลดีต่อผู้ที่ได้รับการบำบัดมากที่สุด จากนั้นเป็นการอภิปราย เรื่อง “ปัญหาสถานการณ์และแนวโน้มในอนาคตของอาชญากรรมทางเพศในประเทศไทย” โดยมีนายนัทธี จิตสว่าง รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมราชทัณฑ์ รศ.วีระพงษ์ บุญโญภาส อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ต.อ.ดร.ทวีชัย วิริยะโกศล รองผู้บังคับการ กองแผนงาน 1 สำนักงานและงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นวิทยากรดำเนินรายการโดยพ.ต.ท.ดร.พรชัย ขันตี ผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการยุติธรรม พ.ต.อ.ดร.ทวีชัย กล่าวว่า จากสถิติการก่ออาชญากรรมทางเพศในปี 2533 - ปัจจุบัน พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก ผู้กระทำผิดเอง ครอบครัว กลุ่มเพื่อน สภาพเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาประเทศที่ไม่สมดุล กล่าวคือเน้นความเจริญทางด้านเศรษฐกิจโดยไม่สนใจสถาบันครอบครัว ซึ่งผู้กระทำความผิดอาจบกพร่องทางจิต หรือเป็นผู้ที่เสพยาเสพติด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เร่ง แก้ปัญหาการประกอบอาชญากรรมทางเพศหลายแนวทาง เช่น การกวดขัน ปราบปราม จับกุม ผู้กระทำผิดทั้งรายบุคคลละขบวนการต่าง ๆ การตรวจตราสถานบริการอย่างเข้มงวด รวมทั้งการสั่งการให้ผู้บังคับบัญชา ทุกระดับชั้นเร่งรัดและกวดขันการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด รศ.วีระพงษ์ กล่าวว่า ลักษณะของอาชญากรรมทางเพศ มี 2 รูปแบบ คือ (1) รูปแบบรุนแรง (2) รูปแบบไม่รุนแรง ซึ่งอาชญากรรมทางเพศแบบรุนแรงนี้มีแนวโน้มที่จะไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เสพยาเสพติด เมื่อรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดส่งผลให้ ผู้กระทำความผิดในส่วนนี้มีจำนวนลดลง ส่วนอาชญากรรมทางเพศแบบไม่รุนแรง นั้น พบว่ามีจำนวนผู้กระทำผิดมากขึ้น อย่างต่อเนื่องเพราะ ยังไม่มีกฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเป็นรูปธรรม โดยผู้ที่กระทำความผิดในลักษณะนี้จะมีพฤติกรรมที่ที่ส่อไปในแนวล่วงเกินทางเพศ ทั้งการล่วงเกินด้วยวาจา กิริยา การสัมผัส ด้านรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังซึ่งกระทำความผิดทางเพศ ทั่วประเทศกว่า 5,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องขังดังกล่าวมีทั้งผู้ที่มีพฤติกรรม รุนแรง เป็นภัยต่อสังคม และผู้ที่เป็นวัยรุ่นแล้วมีความสัมพันธ์กันแต่พ่อแม่กีดกัน“กรมราชทัณฑ์ได้จัดโปรแกรมการแก้ไขผู้ต้องขังกระทำผิดทางเพศขั้นพื้นฐานเพราะตระหนักดีว่าบุคคลเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสังคมที่สมควรได้รับการขัดเกลา และฝึกให้เขาเหล่านั้นมีความต้านทางในจิตใจมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งการแก้ไขผู้ต้องขังประเภทที่ได้ผลดีนั้นควรจำแนกลักษณะของผู้กระทำความผิดแล้วจัดโปรแกรมบำบัดให้สอดคล้องในแต่ละประเภทโดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแล ส่วนกรณีที่วัยรุ่นกระทำความผิดต่อคนรักของตนเองและพ่อแม่กีดกันนั้น สามารถใช้วิธีสมานฉันท์หรือปรองดองกันได้ ซึ่งในปีหน้ากรมราชทัณฑ์มีแผนพัฒนาโปรแกรมการบำบัดผู้กระทำผิดทางเพศให้มีความเหมาะสมกับผู้กระทำผิดมากขึ้น”--จบ-- -นห-

• ข่าวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
• ข่าวศูนย์วิจัยและพัฒนา
• ข่าวมหาวิทยาลัยธรรมศาส
• ข่าวกระบวนการยุติธรรม
• ข่าวพงศ์เทพ เทพกาญจนา