ครม.เห็นชอบให้ กสท.แปลงสภาพแล้ว

กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--กสท. เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2546 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ กสท. แปลงสภาพเป็น 2 บริษัท คือ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. อนุมัติการแปลงทุนเป็นทุนเรือนหุ้นของ กสท. โดยจัดตั้งบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดตามข้อเสนอของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทฯ ที่ได้ดำเนินการตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 และให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับเพื่อให้สามารถบริหารงานในรูปแบบเอกชนทั่วไปสำหรับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ยังคงให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจ 2. เห็นชอบให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกสำหรับการจัดตั้งบริษัทจำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 1,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกสำหรับการจัดตั้งบริษัท จำนวน 750 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น และเมื่อได้ข้อยุติเกี่ยวกับการลงบันทึกบัญชีในส่วนของทุนจากผู้ตรวจสอบบัญชีและได้ข้อสรุปจากกลุ่มบริษัทผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และจำนวนทุนจดทะเบียนที่เหมาะสมก่อนการเสนอขายหุ้นต่อพนักงานและประชาชนทั่วไปแล้ว ให้บริษัทฯ นำกำไรสะสมบางส่วนหรือทั้งหมดมาจัดสรรเป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระเพิ่มเติม (Recapitalization) ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของกระทรวงการคลัง และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลในรูปของหุ้นสามัญ (Stock Dividend) ให้กับกระทรวงการคลังทั้งหมด 3. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกำกับดูแลในด้านนโยบายของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 13 (3) ของพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 4. สำหรับการจัดสรรหุ้นให้แก่พนักงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2545 เห็นสมควรให้จัดสรรหุ้นให้พนักงาน กสท.โดยซื้อราคาพาร์จำนวน 6 เท่าของเงินเดือนและหุ้นให้เปล่าจำนวน 2 เท่าของเงินเดือนทั้งนี้การจัดสรรหุ้นให้พนักงานดังกล่าว ต้องไม่เกินร้อยละ 6.5 ของทุนจดทะเบียน โดยเป็นการให้ครั้งเดียวเมื่อกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวให้ถือปฏิบัติกับบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้แปลงสภาพแล้วด้วย พร้อมกันนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอให้แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ประกอบด้วย 1. พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว 2. นางธนนุช ตรีทิพยบุตร 3. นายทศพร ศิริสัมพันธ์ 4. นายธีระพงศ์ สุทธินนท์ 5. นางเยาวณี นิรันดร 6. นายวิบูลย์ แสงวีระพันธุ์ศิริ 7. นายสุรชัย พงษ์พิทักษ์โสภณ 8. นายอนุชา จันทร์สุริยา 9. นายอนุสรณ์ ธรรมใจ สรุปการรับฟังความคิดเห็นในการแปลงสภาพ กสท. จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2543 และวันที่ 23 กรกฎาคม 2545 อนุมัติในหลักการให้นำกิจการทั้งหมดของการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) มาจัดตั้งเป็นบริษัท ทศท คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัดและให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 นั้น คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทของกสท. จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแปลงสภาพ กสท. เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2545 จำนวน 5 ท่าน โดยมีนายยุวรัตน์ กมลเวชช เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นฯ ได้ดำเนินการทดสอบและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเสร็จสิ้นแล้วทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวม 5 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ มีผู้เข้าร่วมรับฟัง จำนวน 627 คน ครั้งที่ 2 ที่โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมรับฟัง จำนวน 470 คน ครั้งที่ 3 ที่โรงแรมโซฟิเทล ราชาออคิด จังหวัดขอนแก่น มีผู้เข้าร่วมรับฟัง จำนวน 636 คน ครั้งที่ 4 ที่โรงแรมเดอะรีเจนซี่ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีผู้เข้าร่วมรับฟัง จำนวน 408 คน ครั้งที่ 5 ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ มีผู้เข้าร่วมรับฟัง จำนวน 1,661คน ขณะนี้ คณะกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นฯ กำลังสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทของกสท. ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ จากนั้น คณะกรรมการการจัดตั้งบริษัทฯ จะนำเสนอเรื่องการแปลงสภาพ กสท. ทั้งหมดต่อคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.)และคณะรัฐมนตรี เพื่อที่จะดำเนินการแปลงสภาพ กสท. เป็น 2 บริษัท คือบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) :CAT Telecom Public Company Limited - CAT และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด :Thailand Post Co.Ltd.:THAILAND POST -TP )ซึ่งคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ สำหรับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะมีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นจำนวน200 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ10 บาท โดยจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนในอนาคต ส่วนบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีทุนจดทะเบียน 750 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น 75 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ด้านบุคลากรนั้น เมื่อกสท. แปลงสภาพจะโอนพนักงาน / ลูกจ้างทั้งหมดไปยังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยแบ่งเป็นบุคลากรของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จำนน 6,109 คน และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จำนวน 14,515 คน (สถานะ ณ วันที่ 25 กันยายน 2545) การดำเนินงานการแปลงสภาพ ยกร่าง พ.ร.บ. ยกเลิก พ.ร.บ. กสท. พ.ศ.2519 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ไปรษณีย์ พ.ศ.2477 เพื่อใช้บังคับแก่บริษัท กสท.ไปรษณีย์ จำกัด - พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 ได้ใช้บังคับแล้วทำให้ กสท.สามารถดำเนินการแปรสภาพตามแผน แม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม โดยอาศัย พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 โดยการแปลงทุนเป็น หุ้นในรูปแบบของบริษัทและจดทะเบียนบริษัทได้โดยไม่ต้องตรา พ.ร.บ. ยกเลิก พ.ร.บ. กสท. พ.ศ.2519 และ ครม.ได้ลงมติอนุมัติในหลักการแปรสภาพ กสท. และได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทแล้ว - กสท. ได้เสนอร่าง พ.ร.ฏ.ยุบเลิก กสท.และกำหนด อำนาจ สิทธิพิเศษ ประโยชน์ และการคุ้มครองกิจการ ของบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พ.ศ. ...... ให้คณะกรรมการเตรียมการ จัดตั้งบริษัทพิจารณาต่อไปแล้ว และได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 2 ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ คือ คณะอนุกรรมการกำหนดกิจการและสิทธิด้านกิจการโทรคมนาคม และคณะอนุกรรมการกำหนดกิจการ และสิทธิด้านกิจการไปรษณีย์ ซึ่งปัจจุบันคณะอนุกรรมการดังกล่าวได้เสนอความเห็นประกอบร่าง พ.ร.ฏ. ยุบเลิก กสท.ฯ เป็นรายมาตราเพื่อเสนอคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทฯ พิจารณาต่อไป แยกทรัพย์สิน หนี้สิน ทุนและบุคลากรระหว่างกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม - กสท.ได้ว่าจ้างบริษัทสำนักงาน เอสจีวี-ณ ถลาง จำกัด ดำเนินการและคณะผู้บริหาร กสท.ได้มีมติให้ ความเห็นชอบงานงวดสุดท้ายของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2540 ปรับปรุงองค์กรโทรคมนาคม - กสท.ได้ว่าจ้างบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ กรุงไทยธนกิจ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาปรับปรุงองค์กร โทรคมนาคม ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปรับปรุงไปรษณีย์ - กสท.ได้ว่าจ้างบริษัท เคพีเอ็มจี พีท มาร์วิค สุธี จำกัด เป็นที่ปรึกษาปรับปรุงองค์กรไปรษณีย์ ซึ่งดำเนินการ เสร็จเรียบร้อยแล้วคณะกรรมการ กสท.ได้มีมติเห็นชอบโครงสร้างองคาพยพทั้งสองบริษัท ตามที่คณะ- อนุกรรมการพิจารณาทิศทางดำเนินงานและโครงสร้างองคาพยพของ กสท.เสนอ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2543 ประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของ กสท. - ว่าจ้างที่ปรึกษา 2 กลุ่มคือ กลุ่ม Consortium ที่ 1 ประกอบด้วย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) บริษัท Goldman Sachs (Asia) L.L.C บริษัท Jones Lang Wootton (Thailand) Ltd. บริษัท Price Waterhouse Ltd. กลุ่ม Consortium ที่ 2 ประกอบด้วย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ กรุงไทยธนกิจ จำกัด (มหาชน) บริษัท J.P. Morgan Securities Asia Ltd. บริษัท BZW Asia Ltd. บริษัท Arthun Andersen & Co. คณะกรรมการ กสท.ได้มีมติเห็นชอบผลการดำเนินงานประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของ กสท. แล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2541 บริษัทที่ปรึกษากฎหมายเตรียมดำเนินการแปรสภาพ กสท. - กสท.ได้ว่าจ้างบริษัท อัลเลน แอนด์ โอเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษากฎหมายเพื่อเตรียมการ แปลงสภาพ กสท. โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2544 ปรับปรุงระบบบัญชีการเงินสำหรับกิจการไปรษณีย์และกิจการโทรคมนาคม - กสท.ได้ว่าจ้างบริษัท สำนักงาน เอสจีวี ณ ถลาง จำกัด ดำเนินการ และได้เริ่มนำระบบบัญชีการเงินใหม่ ตามที่บริษัทที่ปรึกษาได้ปรับปรุงและออกแบบไว้มาปฏิบัติงานจริงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2542 เพื่อให้ สามารถจัดทำงบการเงินประจำปีงบประมาณ 2543 แยกเป็นกิจการไปรษณีย์และกิจการโทรคมนาคม ดำเนินการสรรหาพันธมิตรร่วมทุน - กสท.ได้อนุมัติการยกเลิกการจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2543 เนื่องจากสมาชิกของ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา (UBS) ไม่มาลงนามสัญญาจ้าง ทำให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษามีคุณสมบัติไม่ตรงตาม ข้อเสนอที่ยื่นไว้กับ กสท. - อยู่ระหว่าง คณะทำงานย่อยฯ จัดทำร่าง RFP (Request for Proposal) เพื่อจัดจ้างบริษัท ที่ปรึกษารายใหม่ ดำเนินการสรรหาผู้ลงทุนเฉพาะราย - อยู่ระหว่างดำเนินการยกร่าง RFP (Request for Proposal) เพื่อจัดหากลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเพื่อ การสรรหาผู้ลงทุนเฉพาะราย ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท กสท.ไปรษณีย์ จำกัด - บริษัท กสท.ไปรษณีย์ จำกัด ได้รับการอนุมัติให้จองและใช้ชื่อบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ส่วนบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด ได้รับการอนุมัติให้จองและใช้ชื่อบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด - บริษัททั้งสองได้ดำเนินการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเรียบร้อยแล้ว - กสท.ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและบริการ (สัญลักษณ์ซองบิน) สำหรับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด แล้ว เมื่อวันที่ 1 มี.ค.44 - อยู่ระหว่างคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติให้แปลง ทศท. และ กสท. เป็น บริษัท จำกัด ตามแผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม โอนทรัพย์สิน และผู้ปฏิบัติงานให้บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท กสท.ไปรษณีย์ จำกัด - อยู่ระหว่างการเตรียมการ ดำเนินการประชาสัมพันธ์การแปรสภาพ - กสท.ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์การแปรสภาพมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2536 โดยการจัดบรรยายและ ทำเอกสารเผยแพร่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการแปรสภาพแก่พนักงาน - คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์การจัดตั้งบริษัทของ ทศท.และ กสท. อยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนการ ดำเนินการประชาสัมพันธ์การจัดตั้งบริษัทของ ทศท.และ กสท. ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อสร้าง ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่พนักงานทั้งสององค์กร รวมถึงประชาชนทั่วไป - คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์การจัดตั้งบริษัทของ ทศท.และ กสท. ได้ดำเนินการจัดประกวดตั้งชื่อ บริษัทและตราสัญลักษณ์บริษัทรวมทุนของ ทศท.และ กสท. ตามที่คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ของ ทศท.และ กสท. มอบหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2544 ให้ใช้ชื่อบริษัทรวมทุนว่า บริษัท กลุ่มสื่อสารไทย จำกัด (THAI TELECOM GROUP) ปัญหาและอุปสรรค - การสรรหาพันธมิตรร่วมทุน โดยที่กรอบ/เงื่อนไขของการเปิดแข่งขันเสรี การกำหนดโครงสร้างบริการ (รวมถึงขอบเขตการดำเนิน ธุรกิจของบริษัท CAT-TEL ในอนาคต) โครงสร้างอัตราค่าบริการ การกำหนดโครงสร้างการแปลงสัญญา ร่วมการงาน นโยบายของรัฐที่มีต่อการกำหนดบทบาทและการมีส่วนร่วมของพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท CAT-TEL เป็นต้น ยังไม่มีความชัดเจน ตลอดจนความคืบหน้าของการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ เป็นข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการพิจารณาตัดสินใจและการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และมูลค่ากิจการของบริษัท CAT-TEL ของผู้ลงทุน ดังนั้นก่อนการประกาศเชิญชวนเพื่อคัดเลือกพันธมิตร ร่วมทุน จึงควรมีความชัดเจนในปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการจัดหาพันธมิตรร่วมทุนเป็นไป อย่างต่อเนื่องและเป็นการแสดงความพร้อมของรัฐบาล โดยไม่ต้องมีการรอแนวนโยบายของรัฐในระหว่าง ดำเนินการจัดหา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของการแปรรูปของประเทศไทยโดยรวม - การสรรหาผู้ลงทุนเฉพาะราย โดยที่การดำเนินการจัดหาผู้ลงทุนเฉพาะรายนั้น จะต้องดำเนินการคัดเลือกพันธมิตรร่วมทุนก่อนเพื่อ ให้ทราบสัดส่วนการถือหุ้นที่ชัดเจนของพันธมิตรร่วมทุน รวมทั้งสัดส่วนการถือหุ้นของนิติบุคคลต่างชาติ ก่อน (ซึ่งตามแผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม ฉบับ พ.ศ.2540 กำหนดให้มีนิติบุคคลต่างชาติ ถือหุ้นโดยตรงได้ไม่เกิน 20 % และโดยตรงหรือโดยอ้อมรวมกันไม่เกิน 25 %) หลังจากนั้นจึงจะสามารถ กำหนดสัดส่วนของหุ้นที่จะกระจายให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะรายชาวไทยและชาวต่างชาติได้ ประกอบกับ ความสนใจของพันธมิตรรวมทุนและผู้ลงทุนเฉพาะรายมีความแตกต่างกัน และการมีพันธมิตรร่วมทุน เข้าถือหุ้นก่อน จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่หุ้นที่จะขายให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะราย ดังนั้นเมื่อการดำเนินการคัดเลือก พันธมิตรร่วมทุนไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติที่กำหนดไว้ จึงต้องชะลอการดำเนินการจัดหา ผู้ลงทุนเฉพาะราย--จบ-- -สส-

• ข่าวกสท โทรคมนาคม
• ข่าวไปรษณีย์ไทย
• ข่าวรัฐวิสาหกิจ
• ข่าวคณะรัฐมนตรี
• ข่าวคณะกรรมการ