“จีเอ็มเอ็ม” ผนึกจุดแข็งของแกรมมี่และมีเดีย สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ใช้ความเป็นที่หนึ่งของคอนเทนต์บันเทิงและความเชี่ยวชาญในผู้บริโภคแต่ละเซ็กเมนต์ งัดกลยุทธ์มุ่งสร้างแบรนด์ GMM Channel ให้รู้จักและทราบช่องทางการรับชม ปั้นทีวีดาวเทียม 5 ช่อง คืนทุนภายใน 2 ปี ตั้งเป้าแต่ละช่องมีแชร์ตลาดผู้ชม 40% ภายใน 6 เดือน และเติบโตอีก 100% ภายใน 1 ปี
นายสุระชาติ ตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจจีเอ็มเอ็ม บรอดแคสติ้ง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจทีวีดาวเทียมมีโอกาสเติบโตสูง เพราะเทรนด์ของมีเดียมีความเป็นเซ็กเมนต์มากขึ้น (Segmented Media) เพื่อให้สามารถสื่อสารถึงผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภคมีความต้องการรับชมคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น
ทั้งนี้ เชื่อว่าภายใน 5 ปี เคเบิ้ลทีวีและแซตเทิลไลต์ทีวีจะเข้ามาแทนที่เสาอากาศก้างปลา ทำให้สัญญาณรับชมฟรีทีวีชัดเจนมากกว่าการติดเสาอากาศก้างปลา อีกทั้งปัจจุบันราคาจำหน่ายจานดาวเทียมแต่ละระบบแพงกว่าราคาจำหน่ายเสาอากาศก้างปลาเพียงเล็กน้อย จึงคาดว่าในอนาคตราคาจะไม่แตกต่างกันเลย ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อจานดาวเทียมหรือเลือกเป็นสมาชิกเคเบิ้ลทีวีง่ายขึ้น
“พฤติกรรมคนทำงานอายุระหว่าง 20-49 ปี ใช้เวลาพักผ่อนกับการรับชมทีวี ไม่ว่าจะเป็นฟรีทีวี เคเบิ้ลทีวี ซีดี วีซีดี หรือดีวีดี โดยคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคนิยมรับชมมากที่สุด คือ บันเทิง เช่น รายการเพลง ภาพยนตร์ ละคร เกมโชว์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนผู้รับชมฟรีทีวีอยู่ที่ 48% ขณะที่เคเบิ้ลทีวีและแซตเทิลไลต์ทีวีอยู่ที่ 52% สะท้อนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกรับชมรายการที่นำเสนอคอนเทนต์โดนใจมากกว่ายึดติดการรับชมเฉพาะฟรีทีวี” นายสุระชาติ กล่าว
การที่จีเอ็มเอ็มปรับโครงสร้างธุรกิจหลอมรวมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เข้าด้วยกัน จึงเอื้อต่อการนำคลังคอนเทนต์ด้านบันเทิงอันมหาศาลของแกรมมี่มาผนึกกำลังกับความเชี่ยวชาญของมีเดียในแต่ละเซ็กเมนต์ ส่งผลให้
1.สามารถลงทุนในคุณภาพของคอนเทนต์และเทคโนโลยีได้เต็มที่ เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายช่องทางมากขึ้น ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบคู่แข่งที่มีคอนเทนต์จำกัด และลงทุนไม่ได้มากเพราะไม่คุ้มคอนเทนต์ของทีวีดาวเทียมแกรมมี่จึงไม่ใช่เพียงการนำของเดิมมารีรันเท่านั้น แต่จะมีการสร้างของใหม่ขึ้นโดยใช้บุคลากรที่มีอยู่คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเพิ่มขึ้น
2.มีความเสี่ยงน้อย เพราะทีวีดาวเทียมทั้ง 5 ช่องล้วนจับกลุ่มเป้าหมายเซ็กเมนต์ที่ตนเองถนัดและเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว เช่น แฟนทีวีจับกลุ่มผู้ชื่นชอบลูกทุ่ง ซึ่งแกรมมี่โกล์ดเป็นที่ 1ของตลาดอยู่แล้ว แบง ชาแนลจับกลุ่มวัยรุ่นอันเป็นความถนัดของจีเอ็มเอ็มทีวี กรีนชาแนลใช้คอนเทนต์จากคลื่นวิทยุที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เอ็กแซ็กท์เป็นเจ้าแห่งตลาดซิทคอมและดรามา สุดท้าย คือ เบิร์ดชาแนลเป็นการต่อยอดจากแบรนด์ศิลปินซูเปอร์สตาร์ของไทย
3.การทำแบรนด์ GMM Channel ให้ประสบความสำเร็จจะรวดเร็วกว่าคู่แข่ง เพราะสามารถสื่อสารผ่านกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงผ่านมีเดียของแกรมมี่เอง เนื่องจากเริ่มต้นจากการเจาะกลุ่มผู้เป็นแฟนพันธุ์แท้ทั้งของคอนเทนต์และมีเดียของแกรมมี่อยู่แล้ว
4.มีโอกาสสร้างรายได้หลายช่องทางต่างจากคู่แข่งรายอื่น คือ ทั้งรายได้จากการขายโฆษณา รายได้จากการจัดอีเวนต์ และรายได้จากธุรกิจดิจิตอล ซึ่งทีวีดาวเทียมสนับสนุนธุรกิจเพลงได้โดยตรง
ในเบื้องต้นมุ่งสร้างแบรนด์ GMM Channel ด้วยกลยุทธ์ Knock Door Marketing โดยเฟสแรก คือ ช่วงเดือนตุลาคม 2551 – เมษายน 2552 ทำกับ B2B (Business to Business) ได้แก่ ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี, จานดาวเทียมระบบ C Band (PSI) และจานดาวเทียมระบบ KU Band (DTV) และเฟสสอง คือ ช่วงเดือนเมษายน – ธันวาคม 2552 ทำกับ B2C (Business to Consumer) เพื่อทำให้รู้จักในวงกว้าง และทราบว่าสามารถเลือกรับชมได้ 3 ช่องทาง คือ เป็นสมาชิกเคเบิลทีวี, จานดาวเทียมระบบ C Band (PSI) และจานดาวเทียมระบบ KU Band (DTV)
พร้อมทั้งวางแผนประชาสัมพันธ์ 3 แนวทาง คือ
1. ผ่านสื่อในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่และพันธมิตรต่างๆ อาทิ วิทยุในเครือเอไทม์ วิทยุชุมชนในเครือแกรมมี่ โกลด์ สื่อสิ่งพิมพ์ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แบนเนอร์บนเว็บไซด์ในเครือและพันธมิตรต่างๆ
2. จัดอีเวนต์และโรดโชว์ทั่วประเทศ อาทิ จัดกิจกรรมสัญจรพบปะผู้ประกอบการเคเบิ้ล ออกบูธ ประชาสัมพันธ์ตามงานคอนเสิร์ตต่างๆ จัดคอนเสิร์ต GMM Channel On Tour ตามหัวเมืองใหญ่
3. ไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง อาทิ ส่งอีเมลไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ฐานข้อมูลจากเว็บไซด์จีเมมเบอร์ แจกใบปลิวและสติ๊กเกอร์กระจายในแหล่งชุมชนต่างๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ติดแบนเนอร์ในร้านอิมเมจิ้นทุกสาขาทั่วประเทศ
“เรามองว่าทีวีดาวเทียมเป็นสื่อช่องทางใหม่สำหรับโปรโมทคอนเทนต์ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ขณะเดียวกันเป็นสื่อทางเลือกใหม่ทำให้คู่ค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดียวกับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่”
บริษัทฯ ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาทต่อ 5 ช่อง และจากแผนการสร้างแบรนด์ดังกล่าว มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จถึงจุดคุ้มทุนภายใน 2 ปี โดยมีเป้าหมายในเฟสแรกหรือ 6 เดือนแรกให้ได้จำนวนกลุ่มเป้าหมาย 8 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของฐานผู้ชมเคเบิลทีวี, จานดาวเทียมระบบ C Band (PSI) และจานดาวเทียมระบบ KU Band (DTV) ประมาณ 20 ล้านคน และเฟสที่สองหรืออีก 6 เดือน จะเติบโตอีก 100% ได้จำนวนกลุ่มเป้าหมายเป็น 16 ล้านคน
ซึ่งจากช่องที่ออกอากาศแล้วคือ แฟนทีวี พบว่าได้รับการตอบรับเป็นไปตามเป้าหมายคือผลสำรวจล่าสุดของเอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ระบุว่า FAN TV เป็นรายการเพลงในเคเบิ้ลทีวีที่มีผู้ชมมากเป็นอันดับ 1 จำนวน 2.3 ล้านคน หลังออกอากาศเพียง 4 เดือนเท่านั้น ขณะที่ BANG Channel ออกอากาศเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 และ Green Channel ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับดีเช่นกัน และขณะนี้เตรียมออกอากาศ Acts Channel ในวันที่ 1 เมษายนนี้ และจะออกอากาศ Bird Channel ประมาณกรกฎาคม 2552 ซึ่งคาดว่าน่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net