- เน้นรูปแบบและคุณภาพวัสดุตัวเครื่อง พร้อมบริการหลังการขาย ตั้งเป้าโต 1,000 ล้าน
ไอเน็ท คอนเน็ค ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมคุณภาพภายใต้แบรนด์ “inet” ทุ่มงบการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวโทรศัพท์มือถือเฮ้าส์แบรนด์ภายใต้ชื่อ inet เน้นฟังก์ชั่นครบครันที่ตอบสนองทุกกลุ่มความต้องการ ในราคาเบาๆ สบายกระเป๋า เน้นรูปแบบและคุณภาพวัสดุตัวเครื่อง พร้อมบริการหลังการขายทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดขายปีละ 1,000 ล้านบาท
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ท คอนเน็ค จำกัด ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมคุณภาพภายใต้แบรนด์ “inet” เปิดเผยว่า “ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจสื่อสาร ทำให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจว่า การที่มีโทรศัพท์มือถือคุณภาพดีอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างตลาดในเมืองไทย โดยเห็นได้จากกรณีของโทรศัพท์มือถือชั้นนำหลายๆ แบรนด์ ที่เข้ามาในตลาดแล้วไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้ร่วมมือกับกลุ่ม บมจ. ไออีซี, บลิสเทล และ เทเลแม็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในวงการมือถือในเมืองไทย มาร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ ไอเน็ท (inet) ขึ้นมา โดยพิจารณาถึง 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งผลิต ด้วยการออกแบบสินค้าที่มีคุณภาพ มีความโดดเด่นและมีความแตกต่าง, เรื่อง Software และ Content ปัจจุบันต้องยอมรับในเรื่องความต้องการของ Social Networking ซึ่งเป็นกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และการมี Strategic Partner ที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ได้คัดเลือกทีมออกแบบจากประเทศเกาหลีมาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับผู้ผลิตที่มีความชำนาญ ทั้งในเรื่องของวัสดุ การประกอบให้มีคุณภาพดี และมีรูปลักษณ์สวยงาม ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เราได้ทำการศึกษาข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ทำให้มือถือไอเน็ท (inet) เป็นมือถือที่สามารถรองรับการใช้งาน 2 ซิม ดูทีวีฟรี และมีฟังก์ชั่นอื่นๆ เสริมเข้ามาตามจุดขายของแต่ละซีรี่ส์”
“ปัจจุบันได้วางสินค้าของไอเน็ท (inet) แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ตามลักษณะการใช้งานของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ไอเน็ท (Inet) ได้แก่ กลุ่ม Intelligence เป็นเครื่องที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย เน้นเทคโนโลยี ทั้งในเรื่องการต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ต applications ต่างๆ และระบบปฏิบัติการที่รองรับอยู่บนตัวเครื่อง รวมถึงลักษณะของตัวเครื่องที่มีแป้นพิมพ์เพื่อรองรับการใช้งานที่ง่าย สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น, กลุ่ม New User เป็นเครื่องที่มีฟังก์ชั่นพื้นฐานเพียงพอต่อผู้เริ่มใช้งานในระบบ 2 ซิม เป็นครั้งแรก เพราะแนวโน้มที่ชัดเจนมาก คือ ต่อไป 1 คนจะมีหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้งานมากกว่า 1 หมายเลข, กลุ่ม Entertainment สินค้ากลุ่มนี้รองรับทุกรูปแบบความบันเทิง ทั้งภาพและเสียง ไฟล์ขนาดใหญ่ และสื่อมัลติมีเดีย รวมถึงเกมส์และ java application และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่ม Trendy กลุ่มนี้เน้นรูปลักษณ์การออกแบบตัวเครื่องที่สวยงามทันสมัย และมี ฟังก์ชั่นที่กำลังอินเทรนด์อยู่ ณ ขณะนั้น นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้ให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เตรียมการพัฒนาไปถึงระบบ 3G เมื่อระบบ 3G พร้อม บริษัทฯ ก็จะนำสินค้าออกทำตลาดเช่นกันโดยราคาเครื่องโทรศัพท์มือถือ ไอเน็ท (inet) มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตั้งแต่ 1,500 – 6,000 บาท” นายอรรถวิชญ์ กล่าว
“สำหรับงบประมาณการลงทุนในระยะเริ่มต้น บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนทั้งในด้านการผลิต และการดำเนินการด้านการตลาดไปทั้งสิ้น 100 ล้านบาท สำหรับสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ได้ทำไปแล้วคือกิจกรรมโปรโมชั่นกับพันธมิตรรายต่างๆ อาทิ การจัดทริปต่างประเทศให้กับผู้จำหน่ายที่ทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย แจก Premium ณ จุดขาย และการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในงานสำคัญต่างๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์มือถือไอเน็ท (Inet) ให้เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ และการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้ในเรื่องของคุณภาพสินค้าและการบริการที่ดี พร้อมการพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง เราตั้งเป้าการจำหน่ายอยู่ที่ปีละ 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ เดือนละกว่า 30,000 เครื่อง หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 3 – 4%
“หลังจากที่เราได้ทำการทดลองตลาดไปได้ 3-4 เดือน พบว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ที่ซื้อมือของเรา ได้แก่ กลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ โคราช หาดใหญ่ ภูเก็ต ขอนแก่น และอุดรธานี เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถตอบโจทย์ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ได้ โดยปัจุบันบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ กลุ่ม บมจ. ไออีซี ดูแลเรื่องการจัดจำหน่ายทั่วประเทศและ และในเรื่องการจำหน่ายปลีก คือ ร้านบลิสเทล ช็อป ร้านโมบายอีซี่ และเทเลแม็กซ์ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มจุดวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นทุกเดือนในส่วนของภูมิภาค นอกจากนี้บริษัท ยังได้แต่งตั้งให้ บริษัท ไออีซี อีซี่ ฟิกซ์ จำกัด มาดูแลในเรื่องของการบริการหลังการขาย โดยมีจุดให้บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง และสามารถตรวจสอบคุณภาพ การให้บริการ ติดตามสถานะการส่งซ่อมได้บนอินเตอร์เน็ต ที่ www.ieceasyfix.co.th หรือติดต่อผ่านเบอร์ Call Center 1369” นายอรรถวิชญ์ กล่าว
“นอกจากนี้คาดว่าในปี 2553 การแข่งขันในตลาดมือถือเฮ้าส์แบรนด์จะทวีความเข้มข้นขึ้น เนื่องจาก ประเทศไทยจะเริ่มใช้ระบบ 3G Network ซึ่ง มือถือ เฮาส์แบนด์รุ่นใหม่ๆ คงต้องมี function รองรับสิ่งเหล่านี้ นอกเหนือไปจากความสวยงามและ function แบบ 2 ซิม ดูทีวี”นายอรรถวิชญ์กล่าวสรุป
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net