อาวียองซ์ อะคาเดมี ติวรักเต็มร้อย แนะวิธีดูแลกายใจและรักรอบข้าง โดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล

มนุษย์อยู่ได้ด้วยความรักหล่อเลี้ยง ทั้งรักจากพ่อแม่ คนรัก เพื่อนฝูง หรือเพื่อนมนุษย์ และเพื่อให้เข้าใจในรักและรู้จักวิธีดูแลรักรอบตัวให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขต้อนรับเดือนแห่งความรัก สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรม อาวียองซ์ อะคาเดมี จึงได้เชิญ นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล มาให้คำแนะนำในการดูแล และหล่อเลี้ยงรักรอบข้าง ให้เกิดความสุข สามัคคี และความสำเร็จในชีวิต ในหัวข้อ “ความรัก ความสุข ความสำเร็จ” ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและผู้ร่วมธุรกิจของอาวียองซ์กว่า 200 คน ณ สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรม อาวียองซ์ อะคาเดมี อาคารไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล กล่าวว่า “การที่อยู่ร่วมกันในสังคม เกิดเป็นความรักในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะแบบสามี-ภรรยา เพื่อนร่วมงาน ต่างต้องดูแลซึ่งกันและกันทั้งสิ้น ต้องรู้จักวิธีปรับตัว โอนอ่อนเข้าหากัน เพื่อประคับประคองความรักให้ยืนยาว สำหรับคู่สามี-ภรรยา ประกอบด้วยทั้งความรัก ความเมตตา ความเสน่หา เสมือนวงกลมทับซ้อนกันอยู่ ช่วงคบกันใหม่ๆ วงกลมนี้ยังซ้อนกันเป็นวงใหญ่ แต่อยู่ๆไป อาจเบื่อหน่ายหรือวัยมากขึ้นเหลือเพียงความเห็นอกเห็นใจต่อกัน การรักษาสิ่งดีๆ ที่มีต่อกันจึงสำคัญมาก กิจกรรมร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่เรื่องเพศเท่านั้น แต่การได้ไปท่องเที่ยวด้วยกัน หรือทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ต่างจากการงานที่ทำอยู่ จะทำให้ท้าทาย ไม่จืดชืด หรือจำเจกับสิ่งเดิมๆ เช่น คนทำงานคอมพิวเตอร์ วันว่างก็ควรอยู่กับธรรมชาติ เจอผู้คนเยอะๆ ไม่ขลุกกับคอมพิวเตอร์ในวันหยุด ทั้งนี้ การทำอะไรใหม่ๆ อาจพบศักยภาพใหม่ในตัวเองอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ผมเองเมื่อก่อนไม่ชอบการพูดหน้าชั้น แต่ด้วยการทำงานบังคับให้เราทำบ่อยๆ ก็รู้สิ่งที่ซ้อนเร้นว่าผมมีอารมณ์ขัน แล้วคนฟังก็ชอบจึงมาปรับใช้กับการพูด ต่อมาเรื่องการสื่อสารกับคนรอบข้าง พยายามเสนอในทางบวกทั้งคำพูด น้ำเสียง แววตา สำหรับทัศนคติกับตัวเองก็สำคัญ ต้องไม่ตำหนิตัวเอง หรือคาดเดาว่าทำเราไม่ได้ เราไม่ดีพอ เพื่อให้มีความมั่นใจในทุกการกระทำ ส่วนเรื่องการทำงาน หากเป็นไปได้ลองปรับดูเสียใหม่ เพื่อให้มีเวลาใส่ใจหาความสุขให้ตัวเองและคนรอบข้าง หลักการที่ใช้ได้ดีคือ ทฤษฎี 80/20 ของ Vilfredo Pareto บอกว่า สิ่งที่ทำ 20% นั้นส่งผลถึง 80% ซึ่งเรียกว่าเรื่องสำคัญที่ทำน้อย ส่วนเรื่องที่ลงทุน ลงแรงทำไปตั้ง 80% กลับส่งผลเพียง 20% เท่านั้น หรือที่ผมเรียกว่า เรื่องจิ๊บจ๊อยที่เสียเวลามาก เหมือนกับเด็กนักเรียนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบทั้งคืน แต่อ่านในส่วนที่ไม่ได้ออกสอบนั้นไม่มีประโยชน์ เป็นต้น หากตัดส่วนที่ไม่เกิดประโยชน์นี้ออกไป ชีวิตก็จะมีเวลาหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเองได้มากขึ้น ได้พักผ่อนทำสิ่งที่ชอบ ไม่เครียด ไม่ต้องทะเลาะกับคนรอบข้าง บรรยากาศรอบตัวดูดีขึ้น ด้านของความสุข ควรมองสิ่งเดิมๆ ในมุมใหม่บ้าง บางครั้งการมองไม่ใช่แค่ได้เห็น แต่ได้มุมที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย เช่น คนหน้าตาไม่ดี แต่ก็เป็นคนดี มีความสามารถได้ เช่น ซูซาน บอยล์ นักร้องที่โด่งดัง เป็นต้น หรือผลสอบของลูกที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้วัดว่าเขาจะไม่เป็นคนดีหรือประสบความสำเร็จในอนาคต เพราะทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ความสำเร็จ มาจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งก็ต้องมาจากประสบการณ์ ซึ่งก็คือสิ่งที่เคยพลาดนั่นเอง และเมื่อสำเร็จหรือเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งที่พยายามแล้วก็ควรให้รางวัลตัวเองบ้าง เช่น หลังเครียดจากงาน ได้ทานอาหารอร่อยที่ชอบ ดูหนังที่ชอบ ส่วนเรื่องอุปสรรค ให้ลองมองอีกมุมว่าคือเรื่องท้าทายของชีวิต เป็นการบ้านที่พระเจ้าให้มาทดสอบ ส่วนวิกฤตหนักๆ เปรียบเหมือนสอบไล่ ถ้าผ่านไปได้ จิตใจก็จะเกิดพัฒนาการขึ้นอีกระดับ ในเวลามีเรื่องดีมาก ร้ายมาก ก็สามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดี มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง และพบกับความสำเร็จในก้าวต่อไป” เรียนรู้ความรัก และวิธีดูแลกายใจอย่างฉลาด พัฒนาตนเองตั้งแต่ภายในจิตใจ มีความสุขกับความรักและให้กำลังใจคนรอบข้าง ความสำเร็จรออยู่ไม่ไกล หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300 คุณสุจินดา , คุณแสงนภา , คุณชินนารี สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

• ข่าวสถาบันการเรียนรู้
• ข่าวสุกมล วิภาวีพลกุล
• ข่าวเดือนแห่งความรัก
• ข่าวการเรียนรู้
• ข่าวอาวียองซ์