ในวาระฉลองครบ 12 ปีของ Asian University นั้น ดร. วิพรรธ์ เริงพิทยา อธิการบดี เปิดเผยถึงความสำเร็จว่า “เราได้มีโอกาสทบทวนผลงานของมหาวิทยาลัยฯ ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา และในขณะเดียวกันก็คิดถึงอนาคตว่าจะทำอะไรในอีก 12 ปีข้างหน้า มหาวิทยาลัยฯ ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปีพ.ศ. 2540 และปีพ.ศ. 2551 ถึงแม้จะมีผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทั้ง 2 ครั้ง แต่ก็สามารถประคับประคองและฝ่าฟันสถานการณ์ดังกล่าวมาได้ มหาวิทยาลัยฯ ได้ผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพเป็นที่ภาคภูมิใจออกสู่ตลาดโลกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักศึกษาที่จบจาก Asian University ได้งานทำในบริษัทและองค์กรทั้งในและต่างประเทศด้วยตำแหน่งงานที่ดีและเงินเดือนสูง นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาที่มีความสามารถสูง สามารถสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมันนี ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ จีน และเกาหลี เป็นต้น นักศึกษาที่จบจาก Asian University มักมีภาษีกว่านักศึกษาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ หรือวิชาพื้นฐานต่าง ๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ กล่าวได้ว่าคุณภาพของความรู้
และเนื้อหาวิชาหลัก ๆ ที่มหาวิทยาลัยฯ ให้นั้น นักศึกษาสามารถนำไปใช้ได้อย่างครบถ้วน”
จากความเป็นเลิศทางด้านการศึกษานี้ ส่งผลให้ Asian University ได้รับการจัดอันดับความพอใจของผู้จ้าง ซึ่งสำนักงาน QS Asian University’s Regional Rankings ได้เสนอผลสำรวจ www.topmba.com ปรากฎว่าในจำนวนมหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ ในเอเซียจำนวน 200 แห่ง ซึ่งรวมประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี ตลอดจนออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ Asian University อยู่ในอันดับที่ 30 นับเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับ Asian University เป็นอย่างมาก ความสำเร็จนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ควรแก่การฉลองของมหาวิทยาลัยฯ ในครั้งนี้
ส่วนอนาคตที่คาดการณ์ไว้ข้างหน้าอีก 12 ปีนั้น มหาวิทยาลัยฯ จะเพิ่มความเป็นสากลให้มากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะรับนักศึกษาต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่าน มาอย่างน้อยอีก 1-2 เท่า โดยจะเป็นนักศึกษาในโครงการแลกเปลี่ยนกับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เอเซีย และอีกบางประเทศในตะวันออกกลาง โดยนักศึกษาเหล่านี้นอกจากจะได้เรียนรู้ด้านวิชาการตามหลักสูตรปกติแล้ว มหาวิทยาลัยฯ ยังเพิ่มการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และมรดกทางสังคมให้กับนักศึกษาด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างประเทศ ส่วนทางด้านอาจารย์นั้น มหาวิทยาลัยฯ วางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของอาจารย์ต่างประเทศจากเดิมที่มีอาจารย์ชาวต่างชาติอยู่ประมาณ 70% นอกจากนี้มหาวิทยาลัยฯ ยังมีโครงการความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้น เช่น ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป แคนาดา และสแกนดิเนเวีย ฯลฯ
นอกเหนือไปกว่านั้น มหาวิทยาลัยฯ ยังมีโครงการที่จะพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพระดับอินเตอร์ จากการประชุมหลักสูตรการศึกษาระดับวิชาชีพในหลายประเทศ พบว่าตลาดงานระดับโลกมีความต้องการบุคคลากรด้านวิชาชีพเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมหาวิทยาลัยฯ จึงพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพแบบอินเตอร์นี้ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเล็งเห็นแล้วว่าประเทศไทยและคนไทยมีจุดเด่นในวิชาแขนงต่าง ๆ ที่เป็นความถนัด เช่น ด้าน hospitality และด้าน medical service เป็นต้น ซึ่งหากบุคคลากรเหล่านี้มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษในระดับที่ดีแล้ว ก็จะเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างแน่นอน
ดร. วิพรรธ์ กล่าวสรุปปิดท้ายว่า การพัฒนา Asian University ให้เป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติระดับแนวหน้าของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นั้น เป็นความตั้งใจที่ได้สามารถทำมาและผ่านพ้นไปกว่าครึ่งทางแห่งความสำเร็แล้ว ที่สุดของจุดหมายปลายทางคือการขยายหลักสูตรด้านวิชาชีพ ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัตินั้นจะส่งผลให้มหาวิทยาลัยฯ มีความเป็นเลิศทางวิชาการ และเป็นผลให้นักศึกษาที่จบไปต่างได้งานดี ซึ่งหน้าที่การงานที่ดีนั้น นอกจากเป็นความสำเร็จของตัวนักศึกษาเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และสังคมโลกอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-253 4771 Asian U
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net