บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกาศกำไรสุทธิ 178 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 ปี 2556 เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (จากงบการเงินประหนึ่งทำใหม่ ซึ่งจัดทำขึ้นเสมือนว่าโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ รวมถึง การก่อตั้ง บมจ. แม็คกรุ๊ป เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553) โดยในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2556 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 521 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากเก้าเดือนแรกของปี 2555
นางปรารถนา มงคลกุล ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า “การที่บริษัทขยายช่องทางการจัดจำหน่ายต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเสนอแบรนด์ใหม่เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้กำลังการซื้อของผู้บริโภคมีการชะลอตัวลง บริษัทยังคงมีรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และ ร้อยละ 14 จากไตรมาส 3 และ เก้าเดือนแรกของปี 2555 ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทไว้ได้ โดยอัตรากำไรขั้นต้นของเก้าเดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 58”
บมจ.แม็คกรุ๊ป ยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการใน ปี 2556 นี้ กำไรสุทธิจะเติบโตประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลมาจากแนวทางของบริษัทที่ต้องการกระตุ้นการขายจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่ให้อัตรากำไรมากกว่า (เช่น ร้านค้าปลีกของตนเอง และ รถร้านค้าเคลื่อนที่) โดยอัตรากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 26 จากรายได้รวม ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2556 และเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ของปี 2556 บริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากร้านค้าปลีกของตนเองจะไต่ระดับถึง 40 % ในปี 2556 นี้ จาก 29% ในปี 2555 แต่จากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายน้อยลง ดังนั้นบริษัทจึงปรับเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2556 อยู่ที่ 10 - 15 % เมื่อเทียบกับเป้าหมาย 15-20 % ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมความพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ด้วยแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว MC me (Proud to be Me) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าสุภาพสตรีที่รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออายุมากขึ้น โดยกางเกงยีนส์ MC me จะมีความยืดหยุ่นสูงเพื่อเก็บรูปทรงให้ดูกระชับ และให้ความสบายในการสวมใส่ โดยวางจำหน่ายแล้วในเดือนสิงหาคม 2556 ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกช่วงอายุ
และในเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัท ลุค บาลานซ์ จำกัด ซึ่งบมจ.แม็คกรุ๊ป ถือหุ้น 100% ได้เข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51 ในบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดังชั้นนำจากทั่วโลก และเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ก่อให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเพิ่มรายได้ การเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการ เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-dividend date) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 และ กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับเงินปันผลในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 จากนั้นบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 2 ธันวาคม 2556 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม 2556.
นางปรารถนา มงคลกุล ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า “การที่บริษัทขยายช่องทางการจัดจำหน่ายต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเสนอแบรนด์ใหม่เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้กำลังการซื้อของผู้บริโภคมีการชะลอตัวลง บริษัทยังคงมีรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และ ร้อยละ 14 จากไตรมาส 3 และ เก้าเดือนแรกของปี 2555 ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทไว้ได้ โดยอัตรากำไรขั้นต้นของเก้าเดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 58”
บมจ.แม็คกรุ๊ป ยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการใน ปี 2556 นี้ กำไรสุทธิจะเติบโตประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลมาจากแนวทางของบริษัทที่ต้องการกระตุ้นการขายจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่ให้อัตรากำไรมากกว่า (เช่น ร้านค้าปลีกของตนเอง และ รถร้านค้าเคลื่อนที่) โดยอัตรากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 26 จากรายได้รวม ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2556 และเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ของปี 2556 บริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากร้านค้าปลีกของตนเองจะไต่ระดับถึง 40 % ในปี 2556 นี้ จาก 29% ในปี 2555 แต่จากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายน้อยลง ดังนั้นบริษัทจึงปรับเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2556 อยู่ที่ 10 - 15 % เมื่อเทียบกับเป้าหมาย 15-20 % ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมความพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ด้วยแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว MC me (Proud to be Me) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าสุภาพสตรีที่รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออายุมากขึ้น โดยกางเกงยีนส์ MC me จะมีความยืดหยุ่นสูงเพื่อเก็บรูปทรงให้ดูกระชับ และให้ความสบายในการสวมใส่ โดยวางจำหน่ายแล้วในเดือนสิงหาคม 2556 ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกช่วงอายุ
และในเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัท ลุค บาลานซ์ จำกัด ซึ่งบมจ.แม็คกรุ๊ป ถือหุ้น 100% ได้เข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51 ในบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดังชั้นนำจากทั่วโลก และเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ก่อให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเพิ่มรายได้ การเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการ เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-dividend date) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 และ กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับเงินปันผลในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 จากนั้นบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 2 ธันวาคม 2556 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม 2556.
TIDLOR เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.34 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย วันที่ 25 ธันวาคม 2568 นี้
FTI โชว์กำไร 9M68 กระฉูด 61.99% หลังคุมค่าใช้จ่าย เคาะปันผลระหว่างกาล 0.04 บาท/หุ้น XD 27 พ.ย. 68
LPH บุ๊คงบ 9 เดือน กำไรแตะ 150 ลบ. โต 141.2% โกยรายได้ 1,973.80 ลบ. บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.05 บาท ขึ้น XD 27 พ.ย.นี้ ส่งสัญญาณแนวโน้ม Q4 โตต่อเนื่อง รับไฮซีซั่นธุรกิจ
ADD คืนฟอร์ม 9 เดือนแรกกำไรทะยาน 24% (YoY) อานิสงส์ยอดใช้ดิจิทัลคอนเทนต์พุ่ง - Music Monetization หนุน บอร์ดใจดีแจกปันผล 0.10 บาท จ่อ XD วันที่ 27 พ.ย.นี้
AMARC ท็อปฟอร์ม Q3/68 กำไรกว่า 42 ลบ. โต 163.8% หนุน 9 เดือนกำไรเฉียด 143 ลบ. รายได้พุ่ง 53.8% บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.05 บาท
TCAP เดินหน้าสร้างผลกำไรเติบโตต่อเนื่อง งวด 9 เดือนปี 68 กำไรโต 12% จากกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยหลัก และบริษัทร่วม พร้อมเพิ่มปันผลระหว่างกาล
WHAUP ฟอร์มแรง กำไรปกติ Q3/68 พุ่ง 82% รับอานิสงส์ Data Center บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.060 บาท/หุ้น ขึ้น XD 27 พ.ย.นี้
WHA Group เสิร์ฟข่าวดี 2 เด้ง โชว์ 9 เดือน กำไรปกติแตะ 3,787 ล้านบาท โต 14% (Y-Y)