“DRT” โชว์ตัวเลขปี 56 โกยรายได้ 4,401.84 ล้านบาท ด้านผู้บริหารรับยอดขายเติบโตแข็งแกร่ง มั่นใจแนวโน้มธุรกิจยังไปได้ดี ชูความพร้อมด้านฐานการผลิตและสินค้าหลากหลายรุกหนักตลาดภูมิภาคอาเซียน รับความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างพุ่ง ส่วนตลาดในประเทศยังขยายตัว จากห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ยังแข่งผุดสาขาเพิ่มและลูกค้าโครงการยังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง หนุนโอกาสการขายสินค้ามั่นใจสิ้นปี ทำยอดขายโต 10%
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ อิฐมวลเบา และบริการหลังการขาย ภายใต้ แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2556 ว่า บริษัทฯ ทำรายได้ 4,401.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 518.26 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 3,883.58 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการกลุ่มลูกค้าโครงการเพิ่มขึ้น 51% และรายได้จากการขายสินค้าไปต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 17 % ส่วนกำไรสุทธิ 450.92 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 501.64 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายที่ดินที่ไม่ใช้งานจำนวน 43.97 ล้านบาท)
“เราพอใจผลการดำเนินงานในปี 2556 ที่สามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ดีกว่าการเติบโตของตลาดวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสะท้อนถึงขีดความสามารถการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร ที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกช่องทางขาย แม้เจอปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ชะลอตัวไปบ้าง ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลงนั้น มีสาเหตุจากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และการหักค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบาและ NT 10 รวมถึงต้นทุนทางการเงินของดอกเบี้ย จึงส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิในปีนี้” นายอัศนี กล่าว
ส่วนแผนดำเนินงานปี 2557 บริษัทฯ วางเป้าเติบโตในแง่รายได้ไว้ที่ 10% โดยชูความแข็งแกร่งด้านฐานการผลิตสินค้าที่มีฐานการผลิตในจังหวัดสระบุรี เชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่ง DRT มีแผนใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% ของกำลังการผลิตรวม 9.82 แสนตัน
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ทิศทางทำตลาดปีนี้ จะเน้นขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย เช่น พม่า ลาว กัมพูชา ให้มากขึ้น เนื่องจาก DRT มองว่าเป็นตลาดดังกล่าวยังที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก จากปัจจัยการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการลงทุนก่อสร้างพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
ส่วนตลาดในประเทศ แม้สถานการณ์ในช่วงต้นปีจะไม่ดีนัก แต่เชื่อว่า ตลาดวัสดุก่อสร้างยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึงกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ยังแข่งขันขยายสาขา จึงเป็นโอกาสของ DRT นำจุดเด่นด้านความหลากหลายสินค้าผ่านช่องทางขายต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผลักดันยอดขายเติบโตขึ้น
“เราคาดว่ารายได้ DRT ในปี 2557 จะเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยความพร้อมของสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าอิฐมวลเบาที่จะรับรู้รายได้เต็มปี รวมถึงฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง รองรับความต้องการลูกค้าทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดภายในประเทศได้ จึงมั่นใจว่า ยอดขายในปี 2557 รายได้เติบโตได้ 10% ตามเป้าที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ อิฐมวลเบา และบริการหลังการขาย ภายใต้ แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2556 ว่า บริษัทฯ ทำรายได้ 4,401.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 518.26 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 3,883.58 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการกลุ่มลูกค้าโครงการเพิ่มขึ้น 51% และรายได้จากการขายสินค้าไปต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 17 % ส่วนกำไรสุทธิ 450.92 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 501.64 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายที่ดินที่ไม่ใช้งานจำนวน 43.97 ล้านบาท)
“เราพอใจผลการดำเนินงานในปี 2556 ที่สามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ดีกว่าการเติบโตของตลาดวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสะท้อนถึงขีดความสามารถการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร ที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกช่องทางขาย แม้เจอปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ชะลอตัวไปบ้าง ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลงนั้น มีสาเหตุจากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และการหักค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบาและ NT 10 รวมถึงต้นทุนทางการเงินของดอกเบี้ย จึงส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิในปีนี้” นายอัศนี กล่าว
ส่วนแผนดำเนินงานปี 2557 บริษัทฯ วางเป้าเติบโตในแง่รายได้ไว้ที่ 10% โดยชูความแข็งแกร่งด้านฐานการผลิตสินค้าที่มีฐานการผลิตในจังหวัดสระบุรี เชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่ง DRT มีแผนใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% ของกำลังการผลิตรวม 9.82 แสนตัน
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ทิศทางทำตลาดปีนี้ จะเน้นขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย เช่น พม่า ลาว กัมพูชา ให้มากขึ้น เนื่องจาก DRT มองว่าเป็นตลาดดังกล่าวยังที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก จากปัจจัยการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการลงทุนก่อสร้างพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
ส่วนตลาดในประเทศ แม้สถานการณ์ในช่วงต้นปีจะไม่ดีนัก แต่เชื่อว่า ตลาดวัสดุก่อสร้างยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึงกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ยังแข่งขันขยายสาขา จึงเป็นโอกาสของ DRT นำจุดเด่นด้านความหลากหลายสินค้าผ่านช่องทางขายต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผลักดันยอดขายเติบโตขึ้น
“เราคาดว่ารายได้ DRT ในปี 2557 จะเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยความพร้อมของสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าอิฐมวลเบาที่จะรับรู้รายได้เต็มปี รวมถึงฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง รองรับความต้องการลูกค้าทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดภายในประเทศได้ จึงมั่นใจว่า ยอดขายในปี 2557 รายได้เติบโตได้ 10% ตามเป้าที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว
DRT รุกขยายตลาดภูมิภาคอาเซียนเพิ่มสัดส่วนส่งออก เตรียมเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์โรงงานอิฐมวลเบาแห่งใหม่
DRT มุ่งเน้นประสิทธิภาพบริหารต้นทุนผ่านแนวคิด Circular Economy
DRT ประเมินภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างปี 68 ทยอยฟื้นตัว รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนภาครัฐ การพัฒนาอสังหาฯ และดีมานด์ซ่อมแซมบ้าน
DRT มุ่งทำตลาดเชิงรุก หนุนรายได้รวม 9 เดือนแรกของปีนี้ 3,974.04 ล้านบาท วางกลยุทธ์ขยายพอร์ตสินค้า นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมบริการ ดันยอดขายปลายปี
DRT ส่องแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างปี 67 คาดเติบโต 5-6% ชูกลยุทธ์ 'สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง' รุกทุกช่องทางขายดันเป้าเติบโต
'ตราเพชร' ร่วมแสดงความยินดีเปิดไทวัสดุ สาขานครอินทร์
'ตราเพชร' ร่วมแสดงความยินดีเปิดไทวัสดุ สาขาสมุทรปราการ
'DRT' มั่นใจปีนี้เติบโตตามแผน หลังไตรมาส 3/66 ทำกำไรพุ่ง 29.44%
DRT มั่นใจผลงานไตรมาส 3 จะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง