สพฉ.เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ฉุกเฉินรับมือเลือกตั้ง 2 กพ. ยันอาสากู้ชีพช่วยชีวิตทุกคนโดยไม่เลือกข้าง ย้ำประชาชนหากพบเห็นอาสากู้ชีพและรถพยาบาลต้องหลีกทางและอำนวยความสะดวกในการทำงาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยฉุกเฉิน
นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะในวันที่ 2 กพ. นี้ที่จะมีการเลือกตั้ง ว่า สพฉ.ได้มีการจัดทีมติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมประสานการช่วยเหลือกับกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) และกระทรวงสาธารณสุข ในการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งการทำงานของทีมอาสากู้ชีพทุกคน จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่เลือกข้างว่าเป็นฝ่ายใด เพราะเราคิดเสมอว่าชีวิตของทุกคนมีค่า และที่สำคัญได้เน้นย้ำให้อาสากู้ชีพเน้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเป็นสำคัญ . ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงก็จะมีการเตือนและประสานกับเจ้าหน้าที่โดยยึดตามตามหลักสากล
รองเลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ทีมอาสากู้ชีพต้องทำงานหนัก ต้องประจำการอยู่ในทุกจุดเสี่ยง ซึ่งตนขอให้กำลังใจทีมงานทุกคนที่เสียสละในการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ แต่ทั้งนี้ในสถานการณ์การชุมนุม เมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้น มักจะมีความชุลมุน ดังนั้นเพื่อให้การทำงานของทีมอาสากู้ชีพมีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงอยากขอความร่วมมือไปยังประชาชนทั่วไปว่า หากพบเห็นการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของทีมอาสากู้ชีพ ที่กำลังช่วยเหลือหรือไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน โปรดอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยสามารถสังเกตได้จากทีมอาสากู้ชีพจะแต่งกายด้วยชุดกู้ชีพสีขาว หรือชุดอาสากู้ชีพที่มีตราสัญลักษณ์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) หรือใส่ชุดสีขาวปักเลขหมาย 1669 ที่ด้านหลัง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันกาล นอกจากนี้หากเห็นรถกู้ชีพฉุกเฉินหรือพยาบาลเปิดไฟไซเรนก็ขอให้เปิดทางให้รถผ่านเพื่อลำเลียงผู้ป่วยออกจากพื้นที่ได้ และที่สำคัญหากประชาชนทุกฝ่ายบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถโทรมาที่สายด่วน 1669 ได้ตลอด24 ชั่วโมง
นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะในวันที่ 2 กพ. นี้ที่จะมีการเลือกตั้ง ว่า สพฉ.ได้มีการจัดทีมติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมประสานการช่วยเหลือกับกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) และกระทรวงสาธารณสุข ในการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งการทำงานของทีมอาสากู้ชีพทุกคน จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่เลือกข้างว่าเป็นฝ่ายใด เพราะเราคิดเสมอว่าชีวิตของทุกคนมีค่า และที่สำคัญได้เน้นย้ำให้อาสากู้ชีพเน้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเป็นสำคัญ . ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงก็จะมีการเตือนและประสานกับเจ้าหน้าที่โดยยึดตามตามหลักสากล
รองเลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ทีมอาสากู้ชีพต้องทำงานหนัก ต้องประจำการอยู่ในทุกจุดเสี่ยง ซึ่งตนขอให้กำลังใจทีมงานทุกคนที่เสียสละในการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ แต่ทั้งนี้ในสถานการณ์การชุมนุม เมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้น มักจะมีความชุลมุน ดังนั้นเพื่อให้การทำงานของทีมอาสากู้ชีพมีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงอยากขอความร่วมมือไปยังประชาชนทั่วไปว่า หากพบเห็นการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของทีมอาสากู้ชีพ ที่กำลังช่วยเหลือหรือไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน โปรดอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยสามารถสังเกตได้จากทีมอาสากู้ชีพจะแต่งกายด้วยชุดกู้ชีพสีขาว หรือชุดอาสากู้ชีพที่มีตราสัญลักษณ์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) หรือใส่ชุดสีขาวปักเลขหมาย 1669 ที่ด้านหลัง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันกาล นอกจากนี้หากเห็นรถกู้ชีพฉุกเฉินหรือพยาบาลเปิดไฟไซเรนก็ขอให้เปิดทางให้รถผ่านเพื่อลำเลียงผู้ป่วยออกจากพื้นที่ได้ และที่สำคัญหากประชาชนทุกฝ่ายบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถโทรมาที่สายด่วน 1669 ได้ตลอด24 ชั่วโมง
รองเลขาธิการสพฉ. ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของสายด่วน 1669 ระบุ ระบบพร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้ไดรับการรักษาอย่างทันท่วงที เปิดสถิติปี 59 ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินไปได้กว่า 1.6 ล้านคน
รมว.สธ. มอบกรมอนามัย เตรียมทีม SEhRT สนับสนุนทุกพื้นที่ดูแลสุขภาพประชาชนเข้าร่วมถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
"ไทยประกันชีวิต เคียงข้างทุกชีวิต ฝ่าวิกฤติ โควิด -19" สนับสนุนน้ำดื่มแก่ศูนย์บริการฉีดวัคซีน
สพฉ.เตรียมเปิดฝึกอบรมหลักสูตรหน่วยสนับสนุนด้านการแพทย์ในสถานการณ์ภัยพิบัติ (DMAT) เพื่อเตรียมเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ฉุกเฉินรับมือพิบัติภัยที่จะเกิดขึ้นใหม่ในประเทศไทย