คิวทีซี เอ็มอี ทุ่ม 50 ล้าน เปิดสำนักงานแห่งใหม่ เตรียมเข้า MAI ระดมทุนสำหรับลุย เออีซี

          คิวทีซี เอ็มอี ผู้ให้บริการงานวิศวกรรมระบบ (MEP) สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ได้กฤษ์เปิดสำนักงานแห่งใหม่ สำหรับรองรับการเติบโตของธุรกิจกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตั้งเป้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ปีหน้า ก่อนก้าวขึ้นเป็น TOP 10 ในตลาดเออีซี ปี 2020
          นายธิติวรการ เงินนำโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี เอ็มอี จำกัด ผู้ให้บริการงานวิศวกรรมระบบ สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า เพื่อให้พนักงานประจำกว่า 150 คนได้มีที่ทำงานที่ดี พร้อมสวัสดิการต่างๆ สำหรับเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงเป็นสถานที่ในการให้บริการลูกค้า นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเข้าแข่งขันในตลาดเออีซี ที่จะมาถึงในเร็วๆนี้ ซึ่งจากประสบการณ์เกือบ 15 ปี ในวงการนี้ บริษัทได้สะสมชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และทำให้ธุรกิจของ คิวทีซี เอ็มอี เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องเสมอมา
          “ สำนักงานแห่งใหม่นี้ จะเป็นสถานที่สำหรับรองรับการเติบโตของ คิวทีซี เอ็มอี ในอนาคต เรามีผลประกอบการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะการทำงานอย่างหนักและทุ่มเทของพนักงานเรา การมีสถานที่ทำงานที่ดี พร้อมสวัสดิการต่างๆ จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้องค์กรของเรา เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้อย่างแน่นอน ” นายธิติวรการ กล่าว
          ทั้งนี้ สำนักงานแห่งใหม่ ตั้งอยู่ ถนนรามคำแหง 187 แยก 2 มีจำนวนทั้งหมด 4 ชั้น แบ่งเป็นส่วนทำงาน ห้องอาหาร ห้องคาราโอเกะ ห้องฟิตเนส และห้องพระ สำหรับให้พนักงานได้เลือกใช้บริการ รวมถึงมีที่พักสำหรับพนักงานที่ทำงานล่วงเวลา และไม่อยากเดินทางไปมาระหว่างที่พักกับที่ทำงานในช่วงที่มีงานเยอะ โดยที่ผ่านมา คิวทีซี เอ็มอี มีผลงานต่างๆมาแล้วมากมาย อาทิ ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ,สนามบินภูเก็ต, โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, เดอะไนน์ ทาวเวอร์, อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ยูนิลีเวอร์ (ยูเพลส), สีลมคอมเพล็กซ์, โรงงานยาสูบแห่งใหม่, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, อาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล, โรงงานอุตสาหกรรม และโรงงานผลิตไฟฟ้า เป็นต้น โดยในปี 2556 ที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนในปี 2557 นี้มียอดงานที่อยู่ในมือแล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จริงที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จริงที่ประมาณ 850 ล้านบาท