สศก. เตรียมแผนลงพื้นที่ทั่วประเทศ ประเมินผลโครงการสร้างรายได้เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง

          สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ร่วมขับเคลื่อนโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เกษตรกว่า 3 พันตำบล รวม 58 จังหวัดที่เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซาก พร้อมลงพื้นที่ประเมินผลตลอดโครงการ ลุยพื้นที่ติดตามรอบแรก เดือนเมษายน - มิถุนายนนี้
          นายสุรศักดิ์ พันธ์นพ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง บรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก โดยเน้นกิจกรรมการจ้างงานที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนเกษตรกร รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของชุมชน ซึ่งมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานดำเนินการหลักในการขับเคลื่อนโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง
          โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายการดำเนินงานในพื้นที่เกษตรจำนวน 3,051 ตำบล รวม 58 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซากและคาดว่าจะเกิดภัยแล้งในปี 2558 ซึ่งชุมชนจะเป็นผู้จัดทำโครงการตามความต้องการของชุมชนและสอดคล้องกับเงื่อนไขของโครงการ โดยมีกรอบงบประมาณสนับสนุนให้ไม่เกินตำบลละ 1 ล้านบาท
          ในการนี้ สศก. ได้รับมอบหมายให้เป็นแกนกลางในการประเมินผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งได้เตรียมการวางแนวทางการประเมินผลโดยมี ศูนย์ประเมินผล และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 - 18 เป็นหน่วยงานที่จะดำเนินการทั้งในภาพรวมและระดับพื้นที่ในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ
          ทั้งนี้ แนวทางของ สศก. ในการประเมินผล ได้กำหนดประเด็นหลักในการพิจารณา ได้แก่ ความพร้อมความทันเวลาของงบประมาณ ขั้นตอนและวิธีการเบิกจ่าย กระบวนการและขั้นตอนการขับเคลื่อนโครงการในแต่ละระดับ ความเหมาะสมของโครงการระดับชุมชน ความคุ้มค่าของงบประมาณโครงการ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการ และความพึงพอใจของเกษตรกรที่มีต่อโครงการในการสร้างรายได้และบรรเทาปัญหาภัยแล้ง โดยแบ่งช่วงลงพื้นที่เพื่อการประเมินผลออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงการดำเนินงานโครงการเดือนเมษายน - มิถุนายน 2558 และหลังสิ้นสุดการดำเนินงาน ช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2558 ซึ่งจะได้รายงายผลการติดตามประเมินผลให้ทราบในระยะต่อไป