กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือ มหาวิทยาลัยมหิดล คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยว 9 แห่ง เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาด้านการสื่อความหมายทั้งในเชิงนิเวศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม โดยส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยวางแผนพัฒนา แนะกลยุทธ์การตลาด สร้างคุณค่า เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยว ได้ร่วมกับสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สาขาการท่องเที่ยว สถานที่ ประวิติศาสตร์ และวัฒนธรรม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำ “โครงการนำร่อง 9 แหล่งท่องเที่ยวต้นแบบ เพื่อการพัฒนาด้านการสื่อความหมายอย่างยั่งยืน” โดยเปิดรับสมัครหน่วยงานหรือชุมชนที่มีความต้องการจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของตนเองเพื่อรับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 9 แหล่งท่องเที่ยวที่จะได้รับการสนับสนุนด้านวางแผนพัฒนาในอันที่จะสื่อความหมายของการเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในเชิงนิเวศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ได้อย่างน่าสนใจ รวมถึงวางกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
“โครงการนี้นับว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและชุมชนที่กำลังพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของตนเองอย่างมาก โดยแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งที่ได้รับคัดเลือกจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง ช่วยวิเคราะห์ถึงจุดแข็ง จุดอ่อน สร้างจุดขายให้แหล่งท่องเที่ยว วิเคราะห์ว่าใครคือนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่จะสนใจแหล่งท่องเที่ยวนี้ ร่วมเขียนแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนให้คำแนะนำเรื่องเทคนิคในการนำเสนอและสื่อสารเพื่อสร้างความน่าสนใจ สร้างกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมและเห็นในคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ เช่น หากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จะบอกเล่าเรื่องราวของรากเหง้า ประเพณี และวิถีชีวิตของชุมชนผ่านมัคคุเทศก์น้อย หรือชักชวนให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมตามรอยอารยธรรม หากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น อุทยานแห่งชาติ ชุมชนป่าชายเลน ก็จัดกิจกรรมดูนก ปลูกป่า
นอกจากช่วยวางแผนงานแล้วทีมผู้เชี่ยวชาญยังให้คำแนะนำในการหาแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่องค์กรภาครัฐ เอกชนก็มีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ต้องบอกว่าไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่นำเรื่องการสื่อความหมายของแหล่งท่องเที่ยวมาใช้ในการพัฒนา ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและช่วยแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ สิ่งแวดล้อม หรือการเข้าไปของทุนต่างถิ่นแบบไร้ทิศทางซึ่งกลายเป็นการเข้าไปทำลายรากเหง้าทางวัฒนธรรมและวิถีชุมชน เพราะหากสามารถทำให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวเขาก็จะช่วยกันดูแลรักษา ไม่ทำกิจกรรมที่รบกวนสัตว์ป่าหรือสร้างความเสียหายต่อโบราณสถาน ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่เคารพวิถีชุมชน” อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าว
หลังจากที่ทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปร่วมพัฒนาและดำเนินการขับเคลื่อนตามแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม กระทั่งเสร็จสิ้นโครงการแล้ว แผนงานของแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งที่ได้รับคัดเลือกจะถูกนำไปเป็นต้นแบบในการพัฒนาด้านการสื่อความหมายของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ต่อไป นอกจากนั้นยังมีการจัดทำเป็นวิดีโอเพื่อเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งด้วย
ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยว ได้ร่วมกับสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สาขาการท่องเที่ยว สถานที่ ประวิติศาสตร์ และวัฒนธรรม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำ “โครงการนำร่อง 9 แหล่งท่องเที่ยวต้นแบบ เพื่อการพัฒนาด้านการสื่อความหมายอย่างยั่งยืน” โดยเปิดรับสมัครหน่วยงานหรือชุมชนที่มีความต้องการจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของตนเองเพื่อรับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 9 แหล่งท่องเที่ยวที่จะได้รับการสนับสนุนด้านวางแผนพัฒนาในอันที่จะสื่อความหมายของการเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในเชิงนิเวศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ได้อย่างน่าสนใจ รวมถึงวางกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
“โครงการนี้นับว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและชุมชนที่กำลังพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของตนเองอย่างมาก โดยแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งที่ได้รับคัดเลือกจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง ช่วยวิเคราะห์ถึงจุดแข็ง จุดอ่อน สร้างจุดขายให้แหล่งท่องเที่ยว วิเคราะห์ว่าใครคือนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่จะสนใจแหล่งท่องเที่ยวนี้ ร่วมเขียนแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนให้คำแนะนำเรื่องเทคนิคในการนำเสนอและสื่อสารเพื่อสร้างความน่าสนใจ สร้างกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมและเห็นในคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ เช่น หากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จะบอกเล่าเรื่องราวของรากเหง้า ประเพณี และวิถีชีวิตของชุมชนผ่านมัคคุเทศก์น้อย หรือชักชวนให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมตามรอยอารยธรรม หากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น อุทยานแห่งชาติ ชุมชนป่าชายเลน ก็จัดกิจกรรมดูนก ปลูกป่า
นอกจากช่วยวางแผนงานแล้วทีมผู้เชี่ยวชาญยังให้คำแนะนำในการหาแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่องค์กรภาครัฐ เอกชนก็มีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ต้องบอกว่าไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่นำเรื่องการสื่อความหมายของแหล่งท่องเที่ยวมาใช้ในการพัฒนา ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและช่วยแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ สิ่งแวดล้อม หรือการเข้าไปของทุนต่างถิ่นแบบไร้ทิศทางซึ่งกลายเป็นการเข้าไปทำลายรากเหง้าทางวัฒนธรรมและวิถีชุมชน เพราะหากสามารถทำให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวเขาก็จะช่วยกันดูแลรักษา ไม่ทำกิจกรรมที่รบกวนสัตว์ป่าหรือสร้างความเสียหายต่อโบราณสถาน ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่เคารพวิถีชุมชน” อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าว
หลังจากที่ทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปร่วมพัฒนาและดำเนินการขับเคลื่อนตามแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม กระทั่งเสร็จสิ้นโครงการแล้ว แผนงานของแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งที่ได้รับคัดเลือกจะถูกนำไปเป็นต้นแบบในการพัฒนาด้านการสื่อความหมายของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ต่อไป นอกจากนั้นยังมีการจัดทำเป็นวิดีโอเพื่อเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งด้วย
3 ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค รับเครื่องหมายมาตรฐานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี 2568 ตอกย้ำการเป็นสถานที่คุณภาพและบริการมีมาตรฐานเป็นเลิศ
กรมการท่องเที่ยวไปสุด! ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลก ดันผู้ประกอบการคุณภาพสู่ต้นแบบความสำเร็จ ผ่านมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย "ช้างชูงวงเริงร่า"
สปา เซ็นวารี เซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ คว้ารางวัลมาตรฐานการบริการสปาอาเซียน ประจำปี 2568
วุฒิศักดิ์ พิชญกานต์ ผู้จัดการทั่วไป เซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว ร่วมเสวนาในพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย 2568