เนื่องจากประเทศไทยมีการใช้พลังงานในภาคการขนส่งสูงถึง 36 % ซึ่งถือว่าเป็นภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และมีแนวโน้มว่าภาคการขนส่งจะมีการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้ยานพาหนะที่มีจำนวนมากขึ้น ประกอบกับปริมาณเชื้อเพลิงที่นับวันจะลดลงและมีแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในอนาคตจะทำให้ภาระต้นทุนการขนส่งเพิ่มมากขึ้น โดยจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและการแข่งขันของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ.2554 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้สนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. ดำเนิน “โครงการวิจัยและพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน (Research and Development of Logistics and Transport Management Application; LTMA)” ซึ่งเป็นโครงการระยะที่ 1 โดยได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลการขนส่งของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่ง และทำการพัฒนาโปรแกรมที่เป็นหลักพื้นฐานของการขนส่งตั้งแต่การรับสินค้า จนถึงการขนส่งสินค้าถึงผู้รับปลายทาง รวมถึงการบริหารงานซ่อมบำรุงรถขนส่ง และด้านการประหยัดพลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นในโครงการระยะที่ 1 ได้มีการออกแบบตามหลักพื้นฐานการขนส่ง ซึ่งการที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับการขนส่งของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาและรวบรวมความต้องการในการใช้งานโปรแกรมของผู้ประกอบการในกลุ่มต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมให้มีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้พลังงานในภาคขนส่ง รวมถึงการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานขนส่งให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย จึงสนับสนุนให้สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. ดำเนิน “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมในโครงการระยะที่ 1 และจัดทำระบบ Backhaul ให้มีความเหมาะสมกับการดำเนินงานขนส่งของผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มการขนส่งมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานและเพิ่มมาตรฐานการบริหารงานขนส่งของผู้ประกอบการ
คุณธิบดี หาญประเสริฐ ประธานคณะทำงาน “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่2” และกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. เปิดเผยว่า “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2” เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ที่ได้ตระหนักถึงการลดการใช้พลังงานในภาคส่วนต่างๆ อาทิ ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการขนส่งที่มีสัดส่วนการใช้พลังงานค่อนข้างสูง ซึ่งในภาคการขนส่งนั้น มีการใช้พลังงานในการขนส่งทางบกสูงที่สุด ถึงร้อยละ 79 ของการใช้พลังงานทั้งหมดในภาคการขนส่ง และในอนาคตราคาพลังงานเชื้อเพลิงยิ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการประสบกับภาวะต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งในด้านราคา และมาตรฐานบริการขนส่ง
“สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เล็งเห็นถึงความสำคัญ และตระหนักถึงปัญหาด้านการบริหารจัดการพลังงานในการขนส่งเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. ดำเนินโครงการต่างๆ ที่จะช่วยให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในภาคการขนส่ง อาทิ โครงการส่งเสริมลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง, โครงการส่งเสริมระบบบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน รวมถึงโครงการส่งเสริมการขับขี่ยานพาหนะเพื่อการประหยัดพลังงาน เป็นต้น โดยในปีพ.ศ.2554 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้เห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยลดการใช้พลังงานในภาคการขนส่ง จึงได้สนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ดำเนิน “โครงการวิจัยและพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน (Research and Development of Logistics and Transport Management Application; LTMA)” และเพื่อให้เกิดการขยายผลการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จึงสนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. ดำเนิน “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2” ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง ในการพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมจากการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 เพื่อช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประหยัด ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการขนส่งของผู้ประกอบการ รวมถึงสามารถลดการนำเข้าพลังงาน และลดการเกิดภาวะโลกร้อน อันมีสาเหตุจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ปัจจุบันยังคงเป็นปัญหาสำคัญในระดับโลกอีกด้วย”
นายธิบดี ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงานภายใต้ “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2” ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่ช่วยลดการใช้พลังงาน และยกระดับประสิทธิภาพการบริหารงานขนส่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ประกอบการ และประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้าน คุณรุ่งเรือง สายพวรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การจัดงานสัมมนา “ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุน เพิ่มลูกค้า” ภายใต้ “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2” ว่า การดำเนินโครงการในระยะที่ 2 นี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมในโครงการระยะที่ 1 และจัดทำระบบ Backhaul ให้มีความเหมาะสมกับการดำเนินงานขนส่ง แล้ว ยังมีเป้าหมายที่จะขยายผลการใช้โปรแกรมไปยังผู้ประกอบการจำนวน 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ 1. คลัสเตอร์สินค้าทั่วไป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าบริโภค เป็นต้น 2. คลัสเตอร์ผลิตผลการเกษตร เช่น ข้าว, ข้าวโพด, ผลิตภัณฑ์ยางพารา เป็นต้น 3. คลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก, อลูมิเนียม เป็นต้น 4. คลัสเตอร์อาหาร เช่น อาหารสด, อาหารแปรรูป และอาหารแช่แข็ง เป็นต้น และ 5. คลัสเตอร์เคมีภัณฑ์ เช่น ปุ๋ย, แร่ธาตุ เป็นต้น โดยโปรแกรมที่จะมีการพัฒนาปรับปรุงนี้ จะมีส่วนฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ ส่วนการปฏิบัติงานขนส่ง ส่วนซ่อมบำรุงรถขนส่ง ส่วนการประหยัดพลังงานในการขนส่ง และส่วนรายงานการขนส่ง เป็นต้น ซึ่งหลังจากที่ได้พัฒนาปรับปรุงโปรแกรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำโปรแกรมไปใช้งาน และส่งเสริมให้มีการสร้างเครือข่ายต้นแบบเพื่อลดการขนส่งเที่ยวเปล่า รวมถึงจะมีการจัดทีมที่ปรึกษาซึ่งมีความรู้ความชำนาญด้านการใช้โปรแกรมและการปรับปรุงระบบการขนส่ง คอยให้คำแนะนำและติดตามการปรับปรุงระบบการขนส่งของผู้ประกอบการด้วย
“การดำเนินโครงการฯ นี้ มีเป้าหมายหลักคือการช่วยประหยัดการใช้พลังงานและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานขนส่งให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการลดการใช้พลังงานของประเทศ การจัดงานสัมมนาในวันนี้ จึงเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ที่จะช่วยให้การดำเนินการขนส่งของผู้ประกอบการในประเทศไทย เกิดการประหยัดทั้งด้านพลังงานและต้นทุนการขนส่ง รวมถึงยกระดับมาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศอีกทางหนึ่ง” ผู้อำนวยการสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit