SNAP-The Island Funeral 2 ภาพยนตร์ทุนสร้างจากกระทรวงวัฒนธรรม เข้าประกวดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

          นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้รับรายงานว่ามีภาพยนตร์ที่กระทรวงวัฒนธรรมสนับสนุนทุนในการสร้างภาพยนตร์ จำนวน 2 เรื่อง คือ SNAP กำกับโดยนายคงเดช จาตุรันต์รัศมี และThe Island Funeral (มหาสมุทรและสุสาน) กำกับนางสาวพิมพกา โตวิระ ได้รับการคัดเลือกไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 22-31 ตุลาคมนี้ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย และมีผู้เข้าร่วมงานในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีจุดเด่นในการจัดงานสัมมนา ควบคู่ไปกับการฉายภาพยนตร์ ที่มีทั้งในโรงภาพยนตร์และการฉายกลางแจ้งนับว่าเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเทศกาลภาพยนตร์นี้ โดยที่มอบในเทศกาลภาพยนตร์นี้รางวัลใหญ่ที่สุด ก็คือรางวัลที่มีชื่อว่า Tokyo Sakura Grand Prix ที่จะมอบให้กับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
          นายวีระ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมได้ให้การสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการเป็นต้นแบบของสื่อภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่มีคุณภาพในการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย สำหรับภาพยนตร์เรื่อง SNAP เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุนโครงการ หรือกิจกรรมด้านภาพยนตร์หรือวีดิทัศน์ ในปี 2558 และจะเข้าฉายและประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ซึ่งคาดว่าจะเข้าฉายในประเทศไทย (เฉพาะโรงภาพยนตร์) ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เรียนจบมัธยม มาด้วยกัน และกลับมาเจอกันอีกครั้งในงานแต่งงานของเพื่อนสองคนที่จัดในโรงเรียนมัธยมโดยมีบรรยากาศคล้ายวันคืนสู่เหย้า สะท้อนภาพบรรยากาศเก่าๆในวัยเด็ก ส่วนภาพยนตร์เรื่อง The Island Funeral กระทรวงวัฒนธรรมได้สนับสนุนทุนไทยเข้มแข็งในการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ในปี 2553 โดยได้รับคัดเลือกเข้าประกวด Asian Future (Competitive section for first or second Asian feature films) ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเสียงแห่งความคิดเห็น เพื่อสะท้อนความต้องการทางสังคมอุดมคติที่ปรารถนาให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้ปัญหาความขัดแย้งของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
          ทั้งนี้ ถือเป็นนับว่าเป็นโอกาสในการนำสื่อภาพยนตร์ไทยไปเผยแพร่ในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ สร้างความเข้าใจอันดีให้แก่ชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งจะผลต่อการนำรายได้กลับมาสู่ประเทศชาติ ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการผลิตภาพยนตร์อีกด้วย