บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีกำไรจากการดำเนินงานรวมในปี 2558 เพิ่มขึ้น 106.1% จาก 198.1 ล้านบาทในปี 2557 มาเป็น 408.3 ล้านบาท
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด หรือ TK เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2558 ว่ากำไรจากผลการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นถึง 106.1% เนื่องจากคุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ในปีที่แล้ว มีรายจ่ายลดลงถึง 14.3% จาก 3,481.4 ล้านบาทเมื่อปี 2557 มาเป็น 2,986.5 ล้านบาทในปี 2558
"หากไม่ได้นับรวมค่าใช้จ่ายพิเศษอีก 83.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายรายการพิเศษที่เกิดจากการด้อยค้าของค่านิยมในบริษัทย่อย จะทำให้รายจ่ายลดลงเป็น 2,902.9 ล้านบาทหรือลดลง 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 491.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148.3% เมื่อเทียบกับปี 2557"
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปี 2558 เริ่มอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่การส่งออกยังหดตัวเข้าสู่ปีที่ 3 อีกทั้งตลาดรถจักรยานยนต์และรถยนต์หดตัวต่อเนื่องมา 3 ปี โดย 12 เดือนของปี 2558 มียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายเดือนสูงกว่าปี 2557 เป็นเวลา 6 เดือน ในขณะที่ตลาดรถยนต์ลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 30 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 ถึงมีนาคม 2558 ก่อนที่จะมาเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ปี 2559
จากภาวะดังกล่าว นางสาวปฐมา กล่าวว่า TK ยังคงรักษาความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อและค่าใช้จ่ายในด้านการส่งเสริมการตลาดลดลงตามสัดส่วน อีกทั้งคุณภาพของลูกหนี้เช่าซื้อดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ภาวะราคาสินค้าทางการเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่อง เป็นผลมาจากราคาน้ำมันโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกหนี้ของเราหลายกลุ่มมีกำลังการผ่อนชำระลดลง TK จึงใช้นโยบายเร่งตัดหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ และเรายังเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามค่างวดอย่างต่อเนื่องมายาวนานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ลกหนี้ของ TK มีคุณภาพดีขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญรวมตลอดปี 2558 มีจำนวน 891.6 ล้นบาท ลดลงถึง 30.3% จาก 1,279.9 ล้านบาทในปีก่อนหน้านี้" นางสาวปฐมา กล่าว
สำหรับรายได้รวมในปี 2558 TK มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,394.1 ล้านบาท ลดลง 7.7% จาก 3,679.1 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ส่วนลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ณ สิ้นปี 2558 มียอดสุทธิรวม 7,252.3 ล้านบาท ลดลง 6.7% จาก 7,767.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนสินทรัพย์รวม 8,283.7 ล้านบาท ลดลง 5.5 % จาก 8,767.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหนี้สินรวม 3,962.4 ล้านบาท ลดลง 16.8 % จาก 4,764.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีผ่านมา
"TK มีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินของ TK จะมีแนวโน้มดีขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ อีกทั้งปี 2559 ตลาดรถจักรยานยนต์คาดว่าจะอยู่ที่ 1,700,000 คัน ซึ้งจะกลับมาเริ่มขยายตัวอีกครั้ง"
กลุ่มบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,800 คน และมีสาขาบริการรวม 92 สาขา และมีบริษัทลูก 2 บริษัทในประเทศกัมพูชาและลาว ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศเกือบ 300,000 ราย
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด หรือ TK เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2558 ว่ากำไรจากผลการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นถึง 106.1% เนื่องจากคุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ในปีที่แล้ว มีรายจ่ายลดลงถึง 14.3% จาก 3,481.4 ล้านบาทเมื่อปี 2557 มาเป็น 2,986.5 ล้านบาทในปี 2558
"หากไม่ได้นับรวมค่าใช้จ่ายพิเศษอีก 83.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายรายการพิเศษที่เกิดจากการด้อยค้าของค่านิยมในบริษัทย่อย จะทำให้รายจ่ายลดลงเป็น 2,902.9 ล้านบาทหรือลดลง 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 491.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148.3% เมื่อเทียบกับปี 2557"
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปี 2558 เริ่มอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่การส่งออกยังหดตัวเข้าสู่ปีที่ 3 อีกทั้งตลาดรถจักรยานยนต์และรถยนต์หดตัวต่อเนื่องมา 3 ปี โดย 12 เดือนของปี 2558 มียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายเดือนสูงกว่าปี 2557 เป็นเวลา 6 เดือน ในขณะที่ตลาดรถยนต์ลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 30 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 ถึงมีนาคม 2558 ก่อนที่จะมาเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ปี 2559
จากภาวะดังกล่าว นางสาวปฐมา กล่าวว่า TK ยังคงรักษาความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อและค่าใช้จ่ายในด้านการส่งเสริมการตลาดลดลงตามสัดส่วน อีกทั้งคุณภาพของลูกหนี้เช่าซื้อดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ภาวะราคาสินค้าทางการเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่อง เป็นผลมาจากราคาน้ำมันโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกหนี้ของเราหลายกลุ่มมีกำลังการผ่อนชำระลดลง TK จึงใช้นโยบายเร่งตัดหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ และเรายังเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามค่างวดอย่างต่อเนื่องมายาวนานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ลกหนี้ของ TK มีคุณภาพดีขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญรวมตลอดปี 2558 มีจำนวน 891.6 ล้นบาท ลดลงถึง 30.3% จาก 1,279.9 ล้านบาทในปีก่อนหน้านี้" นางสาวปฐมา กล่าว
สำหรับรายได้รวมในปี 2558 TK มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,394.1 ล้านบาท ลดลง 7.7% จาก 3,679.1 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ส่วนลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ณ สิ้นปี 2558 มียอดสุทธิรวม 7,252.3 ล้านบาท ลดลง 6.7% จาก 7,767.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนสินทรัพย์รวม 8,283.7 ล้านบาท ลดลง 5.5 % จาก 8,767.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหนี้สินรวม 3,962.4 ล้านบาท ลดลง 16.8 % จาก 4,764.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีผ่านมา
"TK มีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินของ TK จะมีแนวโน้มดีขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ อีกทั้งปี 2559 ตลาดรถจักรยานยนต์คาดว่าจะอยู่ที่ 1,700,000 คัน ซึ้งจะกลับมาเริ่มขยายตัวอีกครั้ง"
กลุ่มบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,800 คน และมีสาขาบริการรวม 92 สาขา และมีบริษัทลูก 2 บริษัทในประเทศกัมพูชาและลาว ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศเกือบ 300,000 ราย
PRTR ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A ประจำปี 2568
ASIMAR ขยับมาตรฐานความยั่งยืน สู่ SET ESG Ratings ระดับ "BBB" ประจำปี 2568
PHOL คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ที่ระดับ "A" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
SAPPE คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ A ติดอันดับหุ้นยั่งยืนต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ตอกย้ำมาตรฐานธุรกิจยั่งยืนในทุกมิติ
"MOSHI" คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2568 ระดับ "AA" ชูแนวคิด 'Make Sustainability part of Your Everyday Life' สร้างการเติบโตควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568
TTA คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2568 ระดับสูงสุด "AAA"
PLUS คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ "A" ประจำปี 2568 ตอกย้ำมาตรฐาน ESG เสริมศักยภาพการเติบโตระยะยาว
COM7 คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ระดับ "AA" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน