LST คาดรายได้ปี 2559 โต 8-10% ตามปริมาณขาย เผยปีนี้เน้นการบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ "อัญชลี สืบจันทศิริ" เอ็มดีหญิงคนเก่ง แย้มแผนแตกไลน์สินค้ากลุ่มเนย เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ พร้อมทั้งเดินหน้าลุยตลาด AEC หวังดันยอดขายต่างประเทศเพิ่ม ขณะที่บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลอัตรา 0.15 บ./หุ้น จ่าย 23 พ.ค.นี้
นางสาวอัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2559 นี้จะเติบโตประมาณ 5-8 % จากปี 2558 ที่ทำได้ราว 6,329 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น เพราะในปีที่ผ่านมา ได้ใช้งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อขยายไลน์การผลิตใหม่ ลงทุนในเครื่องเป่าขวด และปรับปรุงไลน์การผลิตเดิม โดยจะเริ่มเห็นผลในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 45 ตันต่อชั่วโมง มีกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 1,000 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเน้นการจำหน่ายสินค้ากลุ่มเนยสำหรับช่องทางเบเกอรี่ที่ มีการเติบโตที่ดี โดยจะว่าจ้างผลิตเพื่อประเมินการตอบรับของตลาดก่อนพิจารณาลงทุนในเครื่อง จักรใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในช่องทางเบเกอรี่อีก 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
สำหรับการทำธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทจะเดินหน้าทำตลาดในประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เพื่อรองกับการเปิดตลาด AEC โดยได้นำน้ำมันปาล์ม "หยก" และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน "เนเชอเรล" เข้าไปจำหน่าย คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายต่างประเทศเติบโตขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 5%
สำหรับผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดปี 2558 มีรายได้รวม 8,291 ล้านบาท ลดลง 2.85% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 311.42 ล้านบาท ลดลง 18.19% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 380.67 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยลดลง และปริมาณการขายลดลงเล็กน้อย เนื่องจากในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มโดยรวมของประเทศไม่ขยายตัว โดยมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคประมาณ 1 ล้านตัน และมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซล 8 แสนตันเศษ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ภาวะชะงักงันของอุตสาหกรรมดังกล่าว เกิดขึ้นใน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทางอุตสาหกรรมและค้าปลีก สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มลดลง ขณะที่อุปทานการผลิตมีอยู่มากจนล้นตลาด โดยสิ้นปี2558 สต็อคน้ำมันปาล์มโดยรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 3.34 แสนตัน เนื่องจากในปีที่ผ่านมาผู้ผลิตไม่สามารถส่งออกน้ำมัน ปาล์มดิบได้ จากปีก่อนหน้าที่ส่งออกไป 1.67 แสนตัน เพราะราคาต่างประเทศถูกกว่าในประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2559 อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยมีกำหนดให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2559
นางสาวอัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2559 นี้จะเติบโตประมาณ 5-8 % จากปี 2558 ที่ทำได้ราว 6,329 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น เพราะในปีที่ผ่านมา ได้ใช้งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อขยายไลน์การผลิตใหม่ ลงทุนในเครื่องเป่าขวด และปรับปรุงไลน์การผลิตเดิม โดยจะเริ่มเห็นผลในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 45 ตันต่อชั่วโมง มีกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 1,000 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเน้นการจำหน่ายสินค้ากลุ่มเนยสำหรับช่องทางเบเกอรี่ที่ มีการเติบโตที่ดี โดยจะว่าจ้างผลิตเพื่อประเมินการตอบรับของตลาดก่อนพิจารณาลงทุนในเครื่อง จักรใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในช่องทางเบเกอรี่อีก 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
สำหรับการทำธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทจะเดินหน้าทำตลาดในประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เพื่อรองกับการเปิดตลาด AEC โดยได้นำน้ำมันปาล์ม "หยก" และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน "เนเชอเรล" เข้าไปจำหน่าย คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายต่างประเทศเติบโตขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 5%
สำหรับผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดปี 2558 มีรายได้รวม 8,291 ล้านบาท ลดลง 2.85% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 311.42 ล้านบาท ลดลง 18.19% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 380.67 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยลดลง และปริมาณการขายลดลงเล็กน้อย เนื่องจากในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มโดยรวมของประเทศไม่ขยายตัว โดยมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคประมาณ 1 ล้านตัน และมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซล 8 แสนตันเศษ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ภาวะชะงักงันของอุตสาหกรรมดังกล่าว เกิดขึ้นใน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทางอุตสาหกรรมและค้าปลีก สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มลดลง ขณะที่อุปทานการผลิตมีอยู่มากจนล้นตลาด โดยสิ้นปี2558 สต็อคน้ำมันปาล์มโดยรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 3.34 แสนตัน เนื่องจากในปีที่ผ่านมาผู้ผลิตไม่สามารถส่งออกน้ำมัน ปาล์มดิบได้ จากปีก่อนหน้าที่ส่งออกไป 1.67 แสนตัน เพราะราคาต่างประเทศถูกกว่าในประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2559 อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยมีกำหนดให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2559
TGE คว้าเรตติ้ง ESG ระดับ A จาก SET ปี 2568 ตอกย้ำผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดที่เติบโตอย่างยั่งยืน
Krungsri One Payment คว้ารางวัลระดับโลกด้านนวัตกรรมการชำระเงินองค์กร
กคช. ร่วม ธอส. จัดโครงการส่งเสริมวินัยการเงินในชุมชน ปี 2568
ภาพข่าว: UPOIC ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 จ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท
ภาพข่าว: LST ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 มีมติจ่ายปันผลประจ
ภาพข่าว: UPOIC ประชุม สามัญผู้ถือ หุ้น ประจำปี 2557 จ่าย ปัน ผลสำหรับผลการ ดำเนินงานวัน ที่ 1 ต.ค.- 31 ธ.ค.2557 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท