เจ.ดี.พูลส์ คาดโค้งสุดท้ายตลาดสระว่ายน้ำมีแนวโน้มดี สาเหตุเพราะผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ทเร่งสร้างสระให้เสร็จเพื่อทันช่วงไฮซีซั่น (High Season) ของฤดูท่องเที่ยว และกลุ่มลูกค้าระดับบนไม่กระทบพิษเศรษฐกิจแถมยังใช้จ่ายเงินสดตามปกติ ชี้ภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำมีการแข่งขันสูง ผู้เล่นรายใหม่และรายเก่าต่างแข่งกันหั่นราคาด้วยการใช้วัสดุเกรดต่ำแต่ขายแพงและยังไม่มีบริการหลังการขาย ส่งผลให้ระยะยาวลูกค้าหมดความเชื่อมั่น เตรียมเปิดไลน์ธุรกิจใหม่ 'POOL RENEWAL PROGRAM'รองรับตลาดสระว่ายน้ำ พร้อมกระตุ้นโปรโมชั่น 3 เดือนสุดท้าย ซื้อสระแถมโรบอท โดยเปิดเผยว่าไตรมาส 3 ยอดขายเป็นไปตามเป้าและคาดว่าไตรมาสสุดท้ายยอดขายจะเป็นไปตามคาดที่ 250 ล้านบาท รวมทั้งปี 2559 มียอดขายแตะเกือบพันล้านบาท
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำในรูปแบบแฟรนไชส์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เผยภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำไตรมาส 3 ที่ผ่านมาและไตรมาส 4 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ท เร่งการก่อสร้างให้ทันกับช่วงหน้าไฮซีซั่น (High Season) ของการท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย ทั้งนี้ตลาดสระบ้านไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก แต่ภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำในปัจจุบันถือได้ว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีกลุ่มผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก และมักเน้นแข่งขันหั่นราคาผลิตภัณฑ์ แต่ไม่เน้นใช้วัสดุคุณภาพหรือใช้วัสดุราคาต่ำ ประกอบกับการขาดบริการหลังการขายหรือดูแลและซ่อมบำรุง หวังลดต้นทุนและตัดราคาขายคู่แข่งรายอื่นๆ สุดท้ายสินค้าอาจเสื่อมสภาพเร็วและส่งผลต่อผู้บริโภคในอนาคต
"ปัจจุบันผู้ประกอบการรับสร้างสระว่ายน้ำรายย่อยเน้นการขายราคาต่ำ แต่พยายามเคลมคุณภาพเกินจริง รวมทั้งรายเดิมที่เน้นขายสินค้าต้นทุนต่ำแต่ตั้งราคาขายแพง รวมถึงผู้ประกอบการหลายรายยังคงเน้นทำตลาดสร้างสระว่ายน้ำแบบปูกระเบื้อง ซึ่งในระยะยาวผู้บริโภคอาจพบปัญหาเรื้อรังจากการซ่อมแซมและดูแลสระว่ายน้ำ ที่ผ่านมาตลาดรับสร้างสระว่ายน้ำกว่ากึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50 เมื่อสร้างสระเสร็จแล้วไม่ได้รับการดูแลหรือไม่มีบริการหลังการขาย จึงเกิดปัญหาเสื่อมสภาพและใช้งานไม่ได้ในที่สุด"
ล่าสุดหลังจากบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวธุรกิจบริการดูแลคุณภาพน้ำ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สระว่ายน้ำให้สระทุกประเภท ภายใต้แบรนด์ พูล โปรแอนด์แล็บ (Pool Pro&Lab : PPL) พร้อมทั้งเปิดตัวรับบริการ 'POOL RENEWAL PROGRAM' หรือบริการรีโนเวทสระว่ายน้ำทั่วประเทศเพิ่มเติมภายใต้แบรนด์ เจ.ดี.พูลส์ ทำให้เจ.ดี.พูลส์ เป็นแบรนด์สระว่ายน้ำรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและก่อสร้างสระว่ายน้ำ และทำการตลาดในรูปแบบแฟรนไชส์ รวมถึงการบริการหลังการขายและดูแลคุณภาพแบบครบวงจรที่สุด โดยไตรมาส 4 นี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นตลาดสระว่ายน้ำ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสร้างสระว่ายน้ำ จะได้รับโรบอทอัจริยะรุ่น ACTIVE10 สำหรับทำความสะอาดสระว่ายน้ำ มูลค่ากว่า 50,000 บาท ฟรี ทั้งนี้ลูกค้าผู้สนใจสามารถไปพบกับกลุ่มธุรกิจ เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำครบวงจรได้ที่งานบ้านและสวนแฟร์ 2559 ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2559 นี้
นายธนูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประเมินมูลค่าตลาดสระว่ายน้ำปี 2559 นี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20 หรือ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มียอดขาย 250 ล้านบาท โดยยอดขายมาจากลูกค้า 4 กลุ่มหลักๆ คือ 1.)กลุ่มสระบ้าน (กลุ่มสระว่ายน้ำที่สร้างโดยเจ้าของบ้าน) คิดเป็นร้อยละ 65 2.) กลุ่มโครงการพูลวิลล่า (จากเจ้าของโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม) คิดเป็นร้อยละ 15 3.) กลุ่มโครงการโรงแรมและรีสอร์ท และ 4.) กลุ่มอื่นๆ (สระว่ายน้ำจากโรงเรียนหรือหน่วยงานราชการ) คิดเป็นร้อยละ 10 โดยมียอดขายจากกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ มียอดขายมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 85 อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา (โคราช) สงขลา (หาดใหญ่) ขอนแก่น และภูเก็ต ฯลฯ และจังหวัดกรุงเทพมหานครคิดเป็นร้อยละ 15 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาส 4 นี้จะมียอดขายประมาณ 250 ล้านบาท ทำให้มียอดขายรวมตลอดปี 2559 ประมาณ 940 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าน่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำในรูปแบบแฟรนไชส์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เผยภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำไตรมาส 3 ที่ผ่านมาและไตรมาส 4 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ท เร่งการก่อสร้างให้ทันกับช่วงหน้าไฮซีซั่น (High Season) ของการท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย ทั้งนี้ตลาดสระบ้านไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก แต่ภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำในปัจจุบันถือได้ว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีกลุ่มผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก และมักเน้นแข่งขันหั่นราคาผลิตภัณฑ์ แต่ไม่เน้นใช้วัสดุคุณภาพหรือใช้วัสดุราคาต่ำ ประกอบกับการขาดบริการหลังการขายหรือดูแลและซ่อมบำรุง หวังลดต้นทุนและตัดราคาขายคู่แข่งรายอื่นๆ สุดท้ายสินค้าอาจเสื่อมสภาพเร็วและส่งผลต่อผู้บริโภคในอนาคต
"ปัจจุบันผู้ประกอบการรับสร้างสระว่ายน้ำรายย่อยเน้นการขายราคาต่ำ แต่พยายามเคลมคุณภาพเกินจริง รวมทั้งรายเดิมที่เน้นขายสินค้าต้นทุนต่ำแต่ตั้งราคาขายแพง รวมถึงผู้ประกอบการหลายรายยังคงเน้นทำตลาดสร้างสระว่ายน้ำแบบปูกระเบื้อง ซึ่งในระยะยาวผู้บริโภคอาจพบปัญหาเรื้อรังจากการซ่อมแซมและดูแลสระว่ายน้ำ ที่ผ่านมาตลาดรับสร้างสระว่ายน้ำกว่ากึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50 เมื่อสร้างสระเสร็จแล้วไม่ได้รับการดูแลหรือไม่มีบริการหลังการขาย จึงเกิดปัญหาเสื่อมสภาพและใช้งานไม่ได้ในที่สุด"
ล่าสุดหลังจากบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวธุรกิจบริการดูแลคุณภาพน้ำ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สระว่ายน้ำให้สระทุกประเภท ภายใต้แบรนด์ พูล โปรแอนด์แล็บ (Pool Pro&Lab : PPL) พร้อมทั้งเปิดตัวรับบริการ 'POOL RENEWAL PROGRAM' หรือบริการรีโนเวทสระว่ายน้ำทั่วประเทศเพิ่มเติมภายใต้แบรนด์ เจ.ดี.พูลส์ ทำให้เจ.ดี.พูลส์ เป็นแบรนด์สระว่ายน้ำรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและก่อสร้างสระว่ายน้ำ และทำการตลาดในรูปแบบแฟรนไชส์ รวมถึงการบริการหลังการขายและดูแลคุณภาพแบบครบวงจรที่สุด โดยไตรมาส 4 นี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นตลาดสระว่ายน้ำ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสร้างสระว่ายน้ำ จะได้รับโรบอทอัจริยะรุ่น ACTIVE10 สำหรับทำความสะอาดสระว่ายน้ำ มูลค่ากว่า 50,000 บาท ฟรี ทั้งนี้ลูกค้าผู้สนใจสามารถไปพบกับกลุ่มธุรกิจ เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำครบวงจรได้ที่งานบ้านและสวนแฟร์ 2559 ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2559 นี้
นายธนูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประเมินมูลค่าตลาดสระว่ายน้ำปี 2559 นี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20 หรือ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มียอดขาย 250 ล้านบาท โดยยอดขายมาจากลูกค้า 4 กลุ่มหลักๆ คือ 1.)กลุ่มสระบ้าน (กลุ่มสระว่ายน้ำที่สร้างโดยเจ้าของบ้าน) คิดเป็นร้อยละ 65 2.) กลุ่มโครงการพูลวิลล่า (จากเจ้าของโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม) คิดเป็นร้อยละ 15 3.) กลุ่มโครงการโรงแรมและรีสอร์ท และ 4.) กลุ่มอื่นๆ (สระว่ายน้ำจากโรงเรียนหรือหน่วยงานราชการ) คิดเป็นร้อยละ 10 โดยมียอดขายจากกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ มียอดขายมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 85 อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา (โคราช) สงขลา (หาดใหญ่) ขอนแก่น และภูเก็ต ฯลฯ และจังหวัดกรุงเทพมหานครคิดเป็นร้อยละ 15 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาส 4 นี้จะมียอดขายประมาณ 250 ล้านบาท ทำให้มียอดขายรวมตลอดปี 2559 ประมาณ 940 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าน่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้
เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ คว้ารางวัล "โรงแรมในต่างประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อน" จากเวที Conde Nast Traveller Middle East Readers' Choice Awards 2025
เซ็นทารา และ NUO International ผนึกกำลังเชิงกลยุทธ์ เดินหน้าขยายธุรกิจสู่เวทีโลก
เซ็นทารารุกขยายธุรกิจในญี่ปุ่น เตรียมเปิด "เซ็นทารา ไลฟ์ โอซาก้า" ในปีหน้า
เซ็นทาราร่วมงาน WTM London 2025
เซ็นทาราคว้า 3 สุดยอดรางวัล "Outstanding CEO - Best CFO - Outstanding IR" จากเวที IAA Awards ตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำในไทย
เซ็นทาราแจกโปรใหญ่ "เซ็นทารา 11.11 แฟลชเซลล์" ส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก CentaraThe1 สูงสุดถึง 25%
เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ คว้ารางวัล "โรงแรมในมัลดีฟส์ที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว" จากงาน Little Steps Family Travel Awards 2025/2026
เซ็นทาราร่วมโครงการ "เที่ยวดี มีคืน" มอบสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท เมื่อใช้บริการห้องพักและห้องอาหารเซ็นทาราทั่วไทย
เซ็นทาราขยายเวลาโปรร้อน ลดแรง Tropic Wonders: Exclusive Flash Sale เอาใจสมาชิก CentaraThe1 ด้วยส่วนลดเพิ่มพิเศษ 20%