สภาวะตลาดวันที่ 03 เมษายน 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,244.05-1,249.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ17 อยู่ที่ 20,350 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,330 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.02 น.ของวันที่ 03/04/2560)
แนวโน้มวันที่ 04 เมษายน 2560
นายเจมส์ บูลลาร์ด ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)สาขาเซนต์หลุยส์ และ นายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส แสดงความเห็นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 ต่อไป แต่ทั้งสองแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ. เนื่องจากมีความล่าช้าในการคืนภาษีเงินได้ อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี โดยดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พุ่งขึ้น 2.1% ต่อปีในเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2555 แม้ว่าจะสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำแต่ ราคาทองคำก็ดีดตัวขึ้นไม่มาก เพราะประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนรอประเมินสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐเพิ่มเติมจากรายงานการประชุม FOMC Minutes และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยออกมาในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งให้มีการศึกษาหาสาเหตุของยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ และ ให้หาทางควบคุมประเทศที่หลบเลี่ยงภาษีนำเข้า ร่วมทั้ง ปธน.ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ ระบุถึงความเป็นไปได้ในการใช้การค้าเป็นเครื่องมือในการชักจูงให้จีนร่วมมือกับสหรัฐในการต่อต้านเกาหลีเหนือ ได้กระตุ้นแรงซื้อทองคำเพิ่มเติม ซึ่งทำให้นักลงทุนจับตาท่าทีของการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ที่ ในรัฐฟลอริดาในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำในระยะสั้นจึงแกว่งตัวในกรอบ เบื้องต้น แนะนำรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หากสามารถยืนในบริเวณ 1,239-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสจะดีดตัวขึ้นได้ โดยการดีดตัวประเมินแนวต้านที่ 1,254-1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้จะเกิดแรงขายออกมาอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,239-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,222 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,235 (20,050บาท) 1,222 (19,850บาท) 1,216 (19,750บาท)
แนวต้าน 1,254 (20,400บาท) 1,263 (20,550บาท) 1,272 (20,700บาท)
GOLD FUTURES (GFJ17)
แนวรับ 1,235 (20,180บาท) 1,222 (19,970บาท) 1,216 (19,870บาท)
แนวต้าน 1,254 (20,490บาท) 1,263 (20,640บาท) 1,272 (20,790บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.02 น.ของวันที่ 03/04/2560)
แนวโน้มวันที่ 04 เมษายน 2560
นายเจมส์ บูลลาร์ด ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)สาขาเซนต์หลุยส์ และ นายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส แสดงความเห็นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 ต่อไป แต่ทั้งสองแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ. เนื่องจากมีความล่าช้าในการคืนภาษีเงินได้ อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี โดยดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พุ่งขึ้น 2.1% ต่อปีในเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2555 แม้ว่าจะสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำแต่ ราคาทองคำก็ดีดตัวขึ้นไม่มาก เพราะประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนรอประเมินสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐเพิ่มเติมจากรายงานการประชุม FOMC Minutes และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยออกมาในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งให้มีการศึกษาหาสาเหตุของยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ และ ให้หาทางควบคุมประเทศที่หลบเลี่ยงภาษีนำเข้า ร่วมทั้ง ปธน.ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ ระบุถึงความเป็นไปได้ในการใช้การค้าเป็นเครื่องมือในการชักจูงให้จีนร่วมมือกับสหรัฐในการต่อต้านเกาหลีเหนือ ได้กระตุ้นแรงซื้อทองคำเพิ่มเติม ซึ่งทำให้นักลงทุนจับตาท่าทีของการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ที่ ในรัฐฟลอริดาในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำในระยะสั้นจึงแกว่งตัวในกรอบ เบื้องต้น แนะนำรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หากสามารถยืนในบริเวณ 1,239-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสจะดีดตัวขึ้นได้ โดยการดีดตัวประเมินแนวต้านที่ 1,254-1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้จะเกิดแรงขายออกมาอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,239-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,222 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,235 (20,050บาท) 1,222 (19,850บาท) 1,216 (19,750บาท)
แนวต้าน 1,254 (20,400บาท) 1,263 (20,550บาท) 1,272 (20,700บาท)
GOLD FUTURES (GFJ17)
แนวรับ 1,235 (20,180บาท) 1,222 (19,970บาท) 1,216 (19,870บาท)
แนวต้าน 1,254 (20,490บาท) 1,263 (20,640บาท) 1,272 (20,790บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999