บลจ.ธนชาต ชวนลงทุนกองทุนหุ้นปันผล (T-DIV) เน้นลงทุนในบริษัทมั่นคง จ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ ตอบโจทย์นักลงทุนที่กำลังมองหาผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้และเงินฝาก และคาดหวังผลตอบแทนในรูปเงินปันผล เปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 7 – 28 มีนาคม 2560
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 2.7-2.9% โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้น หรือเงินเฟ้อที่กำลังเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้แนวโน้มที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนมากขึ้น และแน่นอนทำให้หลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปีนี้ เมื่อดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเช่นนี้ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก และมักลงทุนแต่ในกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป ไม่ว่าจะระยะกลางหรือยาวก็ตาม
ในทางหนึ่ง การลงทุนนั้นหากคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว สินทรัพย์ที่เรียกว่าหุ้นย่อมสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนหุ้นในระหว่างทางค่อนข้างมีความผันผวนมาก ทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนยังไม่กล้าลงทุน แต่สิ่งที่อยากให้ผู้ลงทุนลงพิจารณา คือ นอกจากกำไรส่วนเกิน (Capital gain) การลงทุนในหุ้นยังมีผลตอบแทนในรูปเงินปันผล (dividend) ด้วย ซึ่งในส่วนของเงินปันผลนี้เองมีความน่าสนใจมาก เพราะถ้าเราดูหุ้นในตลาดที่ตอนนี้มีกว่า 700 ตัวนั้น มีหุ้นที่สามารถจ่ายเงินปันผลมากกว่า 3.5% อยู่หลายบริษัท และยิ่งหากเราดูข้อมูลจาก Bloomberg (ณ วันที่ 20 ก.พ. 60) จะพบว่ามีหุ้นที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าต่อจากนี้อีก 3 ปี (ปี 2560 2561 2562) ที่จะสามารถจ่ายเงินปันผลในระดับที่มากกว่า 3.5% ต่อไปเกือบ 70 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทที่เราต่างรู้จักกันดี มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต และปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองไม่ค่อยส่งผลต่อยอดขายและการทำกำไรของบริษัทมากนัก เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ดังกล่าว บลจ.ธนชาต จึงได้ออกกองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล (T-DIV) ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างน่าสนใจ
กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล (T-DIV) จะมีเกณฑ์หลักๆ ที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าสู่พอร์ตลงทุน คือ 1) จะต้องมีแนวโน้มจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ ปีที่เศรษฐกิจดีก็ต้องจ่ายปันผลในอัตราที่น่าสนใจ และยังต้องสามารถปันผลได้หากเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ 2) ธุรกิจจะต้องไม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในแต่ละรอบ เพราะจะทำให้พอร์ตลงทุนมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ 3) จะเพิ่มโอกาสด้วยการผสมหุ้นเติบโตสูงเข้ามาในพอร์ตประมาณ 25% โดยพิจารณาจาก บริษัทที่ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ดี รายได้และกำไรเติบโตสูง
กองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล (T-DIV) มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ซึ่งหากลงทุนปี 2560 ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายหน่วยลงทุนได้ โดยสามารถขายหน่วยได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป และหากลงทุนในนามนิติบุคคล เงินปันผลที่ได้รับ สามารถเว้นภาษีได้ทุกรอบ หากลงทุนตามเงื่อนไข ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเสนอขาย ครั้งแรกวันที่ 7 – 28 มี.ค.นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ. ธนชาต โทรศัพท์ 0 2126 8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1770 หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com
คำเตือน
· ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
· ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
· โปรดขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีและผลกระทบกรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ที่ บลจ.ธนชาต
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 2.7-2.9% โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้น หรือเงินเฟ้อที่กำลังเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้แนวโน้มที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนมากขึ้น และแน่นอนทำให้หลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปีนี้ เมื่อดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเช่นนี้ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก และมักลงทุนแต่ในกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป ไม่ว่าจะระยะกลางหรือยาวก็ตาม
ในทางหนึ่ง การลงทุนนั้นหากคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว สินทรัพย์ที่เรียกว่าหุ้นย่อมสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนหุ้นในระหว่างทางค่อนข้างมีความผันผวนมาก ทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนยังไม่กล้าลงทุน แต่สิ่งที่อยากให้ผู้ลงทุนลงพิจารณา คือ นอกจากกำไรส่วนเกิน (Capital gain) การลงทุนในหุ้นยังมีผลตอบแทนในรูปเงินปันผล (dividend) ด้วย ซึ่งในส่วนของเงินปันผลนี้เองมีความน่าสนใจมาก เพราะถ้าเราดูหุ้นในตลาดที่ตอนนี้มีกว่า 700 ตัวนั้น มีหุ้นที่สามารถจ่ายเงินปันผลมากกว่า 3.5% อยู่หลายบริษัท และยิ่งหากเราดูข้อมูลจาก Bloomberg (ณ วันที่ 20 ก.พ. 60) จะพบว่ามีหุ้นที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าต่อจากนี้อีก 3 ปี (ปี 2560 2561 2562) ที่จะสามารถจ่ายเงินปันผลในระดับที่มากกว่า 3.5% ต่อไปเกือบ 70 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทที่เราต่างรู้จักกันดี มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต และปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองไม่ค่อยส่งผลต่อยอดขายและการทำกำไรของบริษัทมากนัก เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ดังกล่าว บลจ.ธนชาต จึงได้ออกกองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล (T-DIV) ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างน่าสนใจ
กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล (T-DIV) จะมีเกณฑ์หลักๆ ที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าสู่พอร์ตลงทุน คือ 1) จะต้องมีแนวโน้มจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ ปีที่เศรษฐกิจดีก็ต้องจ่ายปันผลในอัตราที่น่าสนใจ และยังต้องสามารถปันผลได้หากเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ 2) ธุรกิจจะต้องไม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในแต่ละรอบ เพราะจะทำให้พอร์ตลงทุนมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ 3) จะเพิ่มโอกาสด้วยการผสมหุ้นเติบโตสูงเข้ามาในพอร์ตประมาณ 25% โดยพิจารณาจาก บริษัทที่ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ดี รายได้และกำไรเติบโตสูง
กองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล (T-DIV) มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ซึ่งหากลงทุนปี 2560 ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายหน่วยลงทุนได้ โดยสามารถขายหน่วยได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป และหากลงทุนในนามนิติบุคคล เงินปันผลที่ได้รับ สามารถเว้นภาษีได้ทุกรอบ หากลงทุนตามเงื่อนไข ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเสนอขาย ครั้งแรกวันที่ 7 – 28 มี.ค.นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ. ธนชาต โทรศัพท์ 0 2126 8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1770 หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com
คำเตือน
· ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
· ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
· โปรดขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีและผลกระทบกรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ที่ บลจ.ธนชาต
บลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดตัว SCBROYALTY ลงทุนสินทรัพย์ Royalties กองทุนแรกในเอเชียแปซิฟิก ชูโอกาสสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนตามตลาดทุน เสนอขายครั้งแรก 15 ก.ย. 68 - 24 ก.ย. 68
KKP ต่อยอดความเชี่ยวชาญของ Goldman Sachs Asset Management ส่งกองทุน "KKP CorePath" เสริมศักยภาพของพอร์ตการลงทุน
บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายปันผลกองทุนอสังหาฯ "LUXF" 0.64 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่ากว่า 125 ล้านบาท
BBLAM เสนอขาย IPO 'BP17/25(AI)' วันที่ 11-15 ก.ย. 2568
บลจ.กสิกรไทย ชู K-VALUE ทางเลือกลงทุนรับปันผลสูง ชี้จังหวะลงทุนหุ้นไทยรับตลาด Upside ในระยะสั้น
บลจ.อีสท์สปริง เสิร์ฟกองเทอมฟันด์พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 3 เดือน ยิลด์ 1.20%ต่อปี เปิดขาย 9-12 ก.ย. 68 นี้
บลจ.กสิกรไทย ส่ง K-WealthPLUS ทะยานแตะ 5 หมื่นล้าน ขึ้นแท่นกองทุน Core Port แชมป์ยอดขายสูงสุดในอุตสาหกรรม
บลจ.ทิสโก้ปลื้มกองทุน TGSMART สุดฮอต ลูกค้าสนใจลงทุนฝ่าความผันผวน ประกาศเพิ่มทุนเป็น 2,000 ล้านบาท
'B-CNNEXT' กองทุนหุ้นจีนแห่งอนาคต ภายใต้กลยุทธ์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น กระแสการตอบรับเกินคาด ด้วยยอดจองซื้อเกือบ 1,000 ล้านบาท