HTECH ไม่ทำให้ผิดหวัง อวดผลงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้ กำไรส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 80.46 ล้านบาท โตราว 72% รายได้รวม 497 ล้านบาท โต 34% สาเหตุหลักจากตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขยายตัว มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง บวกกับการขยายกำลังการผลิต ขยายฐานลูกค้า มุ่งเน้นสินค้า High-end ที่มีมาร์จิ้นสูง "พีท ริมชลา" เอ็มดี คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังผลงานแรงกว่า ใส่เกียร์เดินหน้าหลังโรงงานใหม่แล้วเสร็จพร้อมส่งมอบงานลูกค้าเพิ่มต้น Q4 ปีนี้ แถมโรงงานที่เวียดนามเตรียมผลิตเชิงพาณิชย์ปลาย Q3/60 หรือต้น Q4/60 จึงปรับเป้ารายได้ทั้งปีโตอีก 15% จากเป้าหมายเดิมวางไว้จะเติบโต 8-10% จากปีก่อน ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.11 บาท/หุ้น ตอบแทนนักลงทุนที่ไว้วางใจเสมอ
นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวด 3 เดือนไตรมาส 2/2560 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 51.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 19.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 63.18 ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 259.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 66.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.48 ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560) บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 98.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 44.16 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.23 และกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 80.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 71.62 โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 19.80 และ 16.17 ต่อรายได้รวม ซึ่งอยู่ที่ 497.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 125.91 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.87
รายได้ที่ออกมาเติบโตอย่างโดดเด่นเป็นผลจากสินค้ากลุ่ม High-end โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟได้รับการตอบรับที่ดี สนับสนุนให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และผลจากการขยายกำลังการผลิตในปี 2559 เตรียมรอรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าโซนพื้นที่ภาคตะวันออก เจาะตลาดลูกค้ากลุ่มยานยนต์ ผ่านบริษัท แฮลเซี่ยน ทูลส์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด บริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นในไตรมาส 4/2559 สนับสนุนรายได้ไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตตามแผนงานที่วางไว้ ขณะที่การบริหารจัดการภายในทำได้เป็นอย่างดี มุ่งเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท High-end ซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่มสินค้าเดิม สนับสนุนให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิในส่วนของบริษัทใหญ่ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่นเช่นกัน
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 1 กันยายน 2560 วันที่จ่ายปันผล 11 กันยายน 2560 ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากคำสั่งซื้อลูกค้ากลุ่มหลักที่เข้ามาเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทฯ เสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการขอใบรับรองจากนิคมอุตสาหกรรม คาดกระบวนการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2560 นี้ พร้อมทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่ทันที เพื่อเดินหน้าผลิตเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในต้นไตรมาส 4/2560 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 6 ปี โรงงานแห่งใหม่นี้ จะสนับสนุนกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นอีก 30-40% ในส่วนของบริษัทใหญ่เมื่อผลิตเต็มกำลัง รองรับคำสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเดิมและสินค้ากลุ่ม High-end โดยเฉพาะตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่เรามองว่ามีแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งกระจายความเสี่ยงรุกตลาดสินค้ากลุ่มอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต ส่วนโรงงานผลิตเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) ในประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างทยอยนำส่งเครื่องจักร คาดจะสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายไตรมาส 3/2560 หรือต้นไตรมาส 4/2560 เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังให้โดดเด่นได้อีก
จากผลงานครึ่งปีแรกที่ออกมารายได้รวมโตแล้วราว 34% บริษัทฯ จึงมั่นใจผลงานปี 2560 จะสามารถทำนิวไฮสูงสุดต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร พร้อมปรับประมาณการณ์เป้าหมายรายได้ปีนี้ให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มเป็นโตไม่ต่ำกว่า 15% จากเป้าหมายเดิมเมื่อต้นปีวางไว้จะเติบโต 8-10% จากปี 2559 ทำรายได้ไว้ที่ 826 ล้านบาท ตอกย้ำ HTECH ในฐานะผู้นำด้าน Cutting Tools ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวด 3 เดือนไตรมาส 2/2560 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 51.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 19.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 63.18 ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 259.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 66.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.48 ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560) บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 98.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 44.16 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.23 และกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 80.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 71.62 โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 19.80 และ 16.17 ต่อรายได้รวม ซึ่งอยู่ที่ 497.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 125.91 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.87
รายได้ที่ออกมาเติบโตอย่างโดดเด่นเป็นผลจากสินค้ากลุ่ม High-end โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟได้รับการตอบรับที่ดี สนับสนุนให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และผลจากการขยายกำลังการผลิตในปี 2559 เตรียมรอรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าโซนพื้นที่ภาคตะวันออก เจาะตลาดลูกค้ากลุ่มยานยนต์ ผ่านบริษัท แฮลเซี่ยน ทูลส์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด บริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นในไตรมาส 4/2559 สนับสนุนรายได้ไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตตามแผนงานที่วางไว้ ขณะที่การบริหารจัดการภายในทำได้เป็นอย่างดี มุ่งเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท High-end ซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่มสินค้าเดิม สนับสนุนให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิในส่วนของบริษัทใหญ่ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่นเช่นกัน
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 1 กันยายน 2560 วันที่จ่ายปันผล 11 กันยายน 2560 ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากคำสั่งซื้อลูกค้ากลุ่มหลักที่เข้ามาเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทฯ เสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการขอใบรับรองจากนิคมอุตสาหกรรม คาดกระบวนการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2560 นี้ พร้อมทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่ทันที เพื่อเดินหน้าผลิตเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในต้นไตรมาส 4/2560 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 6 ปี โรงงานแห่งใหม่นี้ จะสนับสนุนกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นอีก 30-40% ในส่วนของบริษัทใหญ่เมื่อผลิตเต็มกำลัง รองรับคำสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเดิมและสินค้ากลุ่ม High-end โดยเฉพาะตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่เรามองว่ามีแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งกระจายความเสี่ยงรุกตลาดสินค้ากลุ่มอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต ส่วนโรงงานผลิตเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) ในประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างทยอยนำส่งเครื่องจักร คาดจะสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายไตรมาส 3/2560 หรือต้นไตรมาส 4/2560 เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังให้โดดเด่นได้อีก
จากผลงานครึ่งปีแรกที่ออกมารายได้รวมโตแล้วราว 34% บริษัทฯ จึงมั่นใจผลงานปี 2560 จะสามารถทำนิวไฮสูงสุดต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร พร้อมปรับประมาณการณ์เป้าหมายรายได้ปีนี้ให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มเป็นโตไม่ต่ำกว่า 15% จากเป้าหมายเดิมเมื่อต้นปีวางไว้จะเติบโต 8-10% จากปี 2559 ทำรายได้ไว้ที่ 826 ล้านบาท ตอกย้ำ HTECH ในฐานะผู้นำด้าน Cutting Tools ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ITC โตต่อเนื่อง กวาดยอดขายทะลุ 4.4 พันล้าน ปริมาณการขายเพิ่ม 7% รับดีมานด์แบรนด์ระดับโลก โกยกำไรขั้นต้นกว่า 1.1 พันล้าน พร้อมจ่ายปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น
SCGP เผยผลงานไตรมาส 2 เดินหน้าตามกลยุทธ์แข็งแกร่งในอาเซียน หนุนศักยภาพแข่งขันด้วย AI เทคโนโลยี-ความยั่งยืน เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท/หุ้น
ปตท.สผ. เผยผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.10 บาทต่อหุ้น
MMM หุ้นน้องใหม่ ส่งสัญญาณบวกจ่ายปันผลต่อเนื่อง 5 ไตรมาสติด เสิร์ฟข่าวดีก่อนเสนอขายหุ้น PO ล่าสุดบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.12 บาท/หุ้น จ่อ XD 16 ก.ค.นี้
TFG สัญญาณดี! ลุ้นผลงาน Q2-Q3/68 ดีต่อเนื่อง! รับผลดียอดส่งออกไปจีน-ยุโรปคึกคัก ดันรายได้ปีนี้โต 10-15% นิวไฮต่อเนื่อง
BKA จ่อขึ้น XD 26 พ.ค. 68 นี้ - จ่ายปันผล 0.06 บาท/หุ้น
ADD อวดกำไรโค้งแรก โต 27.76% (YoY) บอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.10 บาท จ่อ XD 27 พ.ค.นี้
GUNKUL ฟอร์มสวย โชว์กำไรหลักไตรมาสนี้ 394.73 ล้านบาท เติบโต 23.91% จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท/หุ้น ให้ยิลด์สูง 5% สะท้อนการบริหารงานแข็งแกร่ง
TFG กำไร High Record! Q1/68 แตะ 2,036.62 ลบ. หมู-ไก่ราคาดี ต้นทุนลด ยอดขาย Retail Shop เติบโตต่อเนื่องหนุนผลงานปีนี้ สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 68 เป็นเงินสดในอัตรา 0.075 บาท/หุ้น