SPPT ผงาด กำไรปี 60 โต 155.8% ด้าน "ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์" บอสใหญ่ การันตี ผลงานทั้งปี 61 สร้างผลกำไรได้สูงสุดในรอบหลายปีแน่นอน ลั่นลุยแตกไลน์ธุรกิจต่อเนื่อง ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ให้บริการ solutionและ แพลทฟอร์ม ด้านโลจิสติกส์ และด้านฟินเทคครบวงจร แย้มปิดดีลซื้อกิจการด้านไอที 1-2 บริษัทไตรมาสแรกปีนี้ หนุนธุรกิจโตแกร่ง
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2560 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 9.6 ล้านบาท เปรียบเทียบกับขาดทุนสุทธิของปีก่อน 17.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 155.8% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปี 2560 เท่ากับ 20.4% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.3% เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 58 ล้านบาท
ประธานกรรมการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการ ในปี 2561 ว่า จะสามารถสร้างผลกำไรได้สูงสุดในรอบหลายปีแน่นอน จากการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ 1. บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการแพลทฟอร์มด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ให้กับผู้ประกอบการด้านขนส่ง และ 2.บริษัท เอสพีพี ฟินเทค จำกัด เพื่อให้บริการ แพลทฟอร์มและ solutions ด้าน FinTech สำหรับให้บริการทางการเงินครบวงจร รองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลที่มีจำนวนมากกว่า 50-60 ล้านคน ซึ่งตลาดนี้มีกำลังซื้อเป็นจำนวนมหาศาล
รวมทั้งบริษัทฯ มีการขยายไลน์ธุรกิจจากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มาสู่ธุรกิจวางระบบและให้บริการด้านไอที ขณะที่แผนการเข้าซื้อหรือร่วมทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจไอที ซึ่งคาดว่าในช่วง Q1/61 จะมีความชัดเจน 1-2 ดีลนี้
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2560 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 9.6 ล้านบาท เปรียบเทียบกับขาดทุนสุทธิของปีก่อน 17.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 155.8% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปี 2560 เท่ากับ 20.4% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.3% เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 58 ล้านบาท
ประธานกรรมการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการ ในปี 2561 ว่า จะสามารถสร้างผลกำไรได้สูงสุดในรอบหลายปีแน่นอน จากการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ 1. บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการแพลทฟอร์มด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ให้กับผู้ประกอบการด้านขนส่ง และ 2.บริษัท เอสพีพี ฟินเทค จำกัด เพื่อให้บริการ แพลทฟอร์มและ solutions ด้าน FinTech สำหรับให้บริการทางการเงินครบวงจร รองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลที่มีจำนวนมากกว่า 50-60 ล้านคน ซึ่งตลาดนี้มีกำลังซื้อเป็นจำนวนมหาศาล
รวมทั้งบริษัทฯ มีการขยายไลน์ธุรกิจจากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มาสู่ธุรกิจวางระบบและให้บริการด้านไอที ขณะที่แผนการเข้าซื้อหรือร่วมทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจไอที ซึ่งคาดว่าในช่วง Q1/61 จะมีความชัดเจน 1-2 ดีลนี้
ภาพข่าว: SPPT สัมมนา “การใช้เทคโนโลยีกับโลจิสติกส์ในยุค 4.0 ”
Gossip News: SPPT กดปุ่มเดินหน้าลุยธุรกิจโลจิสติกส์
SPPT เจรจาพันธมิตรรุกอีคอมเมิร์ซ เล็งร่วมทุนต่อยอดธุรกิจหนุนการเติบโต มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 500 ล้านบาท
Gossip News: SPPT ลุ้นผลงานแรงทะลุเป้า
SPPT เทคฯ"NML "ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เล็งต่อยอดพัฒนาเป็นแพลทฟอร์มฟินเทค ตั้งเป้ารายได้ปี61แตะ 500 ล้านบาท
Gossip News: SPPT รอลุ้นปิดดีลซื้อกิจการ
Gossip News: เตรียมรอฟังข่าวดีจาก SPPT
โบรกฯ การันตี SPPT “เทิร์นอะราวด์” ตั้งแต่ Q4/60 เป็นต้นไป มั่นใจผลงานปี 61 โตก้าวกระโดด หลังสยายปีกธุรกิจใหม่ เตรียมปิดดีลซื้อกิจการ 1-2 บริษัทด้านไอที ภายในไตรมาส 1/61