CHOW ประเดิมปี 63 กดปุ่มขายไฟในญี่ปุ่นเพิ่ม เร่งเครื่องดันธุรกิจพลังงานโตตามเป้า

          CHOW เร่งเครื่องลุยธุรกิจพลังงาน ประเดิมปี 63 เตรียมกดปุ่มขายไฟในญี่ปุ่นเพิ่มอีก 1 โครงการขนาด 1.48 เมกะวัตต์ 1 ก.พ.นี้ หลังจากปลายปีที่แล้วเพิ่งขายไฟในโครงการอาโอโมริ ขนาด ขนาด 7.2 เมกะวัตต์ (DC) ส่งท้ายปีเก่าไปแบบสวยๆ มั่นใจขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานเติบโตต่อเนื่อง
          นายศุภชัย ยิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ในประเทศญี่ปุ่นว่า ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 นี้โครงการโรงไฟฟ้าในกลุ่มนิฮอนมัตสึ (Nihonmutsu) กำลังการผลิตรวม 5.46 เมกะวัตต์ (Dc) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) กับการไฟฟ้าญี่ปุ่น เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการนิฮอนมัตสึ 3 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1.48 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาธุรกิจพลังงานของ CHOW ที่มีเป้าหมายจะพัฒนาให้ครบ 500 เมกะวัตต์ ภายในเวลา 5 ปี
          สำหรับโครงการโรงไฟฟ้ากลุ่มนิฮอนมัตสึ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า 3 โครงการ คือ นิฮอนมัตสึ 1 ขนาดกำลังการผลิต 1.98 เมกะวัตต์ (Dc) นิฮอนมัตสึ 2 กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ และ นิฮอนมัตสึ 3 กำลังการผลิต 1.48 เมกะวัตต์ (Dc) โดยโครงการนิฮอนมัตสึ 1 และ 2 อยู่ระหว่างการพัฒนาต่อจากโครงการนิฮอนมัตสึ 3 ซึ่งจะทำให้ CHOW มีโครงการที่ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2563 นี้
          ปัจจุบัน CHOW มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศไทยที่จำหน่ายไฟเข้าระบบแล้ว 68.60 เมกะวัตต์ โดยโครงการล่าสุดที่ขายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ คือ โครงการ อาโอโมริ (Aomori) ขนาดกำลังการผลิต 7.2 เมกะวัตต์ เมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายมุ่งขยายธุรกิจพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสานต่อปณิธานของคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ก่อให้เกิดรายได้และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ซึ่งสนับสนุนให้ผลประกอบการของ CHOW เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ตามเป้าหมายที่วางไว้