ไลออนเดลบาเซล (LyondellBasell หรือ LYB) ประกาศว่า บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายเพื่อสร้างโรงงานสาธิตการรีไซเคิลขั้นสูงเชิงเร่งปฏิกิริยาระดับอุตสาหกรรมแห่งแรกของบริษัทในเมืองเวสเซลลิง ประเทศเยอรมนี ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยี MoReTec อันเป็นกรรมสิทธิ์ของไลออนเดลบาเซล โดยจะเป็นโรงงานรีไซเคิลขั้นสูงแบบหน่วยเดี่ยวเชิงพาณิชย์แห่งแรกที่แปรรูปขยะพลาสติกให้กลายเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับใช้ผลิตพลาสติกใหม่ที่สามารถดำเนินงานโดยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โรงงานแห่งใหม่นี้คาดว่าจะมีกำลังการรีไซเคิลราว 50,000 ตันต่อปี โดยได้รับการออกแบบให้สามารถรีไซเคิลขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มาจากพลเมืองชาวเยอรมันกว่า 1.2 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ การก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568
"เรามุ่งมั่นที่จะจัดการกับขยะพลาสติกซึ่งเป็นปัญหาท้าทายระดับโลก ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน และการประกาศในวันนี้ก็เป็นอีกก้าวสำคัญในทิศทางดังกล่าว" คุณปีเตอร์ วาแนกเกอร์ (Peter Vanacker) ซีอีโอของไลออนเดลบาเซล กล่าว "การขยายเทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูงเชิงเร่งปฏิกิริยาของเราจะช่วยให้เราสามารถนำขยะพลาสติกกลับคืนสู่ห่วงโซ่คุณค่าได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถผลิตวัสดุพลาสติกสำหรับการใช้งานคุณภาพสูงได้มากขึ้น เพื่อรักษาคุณค่าของพลาสติกให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
โรงงานสาธิตเทคโนโลยี MoReTec แห่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาพลาสติกรีไซเคิลยาก เช่น พลาสติกผสมหรือพลาสติกแบบอ่อนตัวที่ปัจจุบันต้องกำจัดด้วยการฝังกลบหรือเผา ทั้งนี้ ซอร์ส วัน พลาสติกส์ (Source One Plastics) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไลออนเดลบาเซล กับ 23 โอ๊คส์ อินเวสต์เมนต์ส (23 Oaks Investments) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2565 จะรับหน้าที่จัดหาวัตถุดิบส่วนใหญ่ให้กับโรงงาน MoReTec จากนั้นวัตถุดิบที่ผ่านการรีไซเคิลขั้นสูงจะถูกนำมาใช้ผลิตพอลิเมอร์ที่จัดจำหน่ายโดยไลออนเดลบาเซลภายใต้แบรนด์ เซอร์คิวเลนรีไวฟ์ (CirculenRevive) ซึ่งนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย รวมถึงใช้ทำบรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์และบรรจุภัณฑ์อาหาร
ข้อได้เปรียบของเทคโนโลยี MoReTec
เทคโนโลยี MoReTec สามารถเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นน้ำมันไพโรไลซิสและก๊าซไพโรไลซิส โดยน้ำมันไพโรไลซิสใช้ทดแทนวัสดุจากฟอสซิลในการผลิตพอลิเมอร์ ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี MoReTec สามารถนำก๊าซไพโรไลซิสที่ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตพอลิเมอร์และใช้ทดแทนวัตถุดิบจากฟอสซิลได้เช่นกัน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีเชิงเร่งปฏิกิริยาอันเป็นกรรมสิทธิ์ของไลออนเดลบาเซลยังช่วยลดอุณหภูมิในกระบวนการ ลดการใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มผลผลิตอีกด้วย และเนื่องจากใช้พลังงานน้อยลง กระบวนการนี้จึงสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้ รวมถึงไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ข้อได้เปรียบเหล่านี้ยังทำให้เกิดข้อได้เปรียบด้านคาร์บอนฟุตพรินต์ด้วยเช่นกัน โดยการนำก๊าซไพโรไลซิสกลับมาใช้ใหม่เป็นวัตถุดิบตั้งต้น ความต้องการพลังงานที่ลดลง การให้ความร้อนด้วยพลังงานไฟฟ้า การแทนที่วัตถุดิบตั้งต้นจากฟอสซิล และการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้โดยไม่ต้องเผาหรือฝังกลบ ส่งผลให้คาร์บอนฟุตพรินต์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกระบวนการที่ใช้วัตถุดิบจากฟอสซิล ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยี MoReTec จึงมอบคุณค่าที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
เกี่ยวกับไลออนเดลบาเซล
เราคือไลออนเดลบาเซล (LyondellBasell) (NYSE: LYB) ผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ระดับโลกที่สร้างสรรค์โซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในทุก ๆ วัน เรากำลังสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและคาร์บอนต่ำโดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงและการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง สำหรับทุกสิ่งที่เราทำนั้น เรามุ่งมั่นที่จะปลดล็อกคุณค่าให้กับลูกค้า นักลงทุน และสังคมของเรา ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตพอลิเมอร์รายใหญ่ที่สุดในโลกและผู้นำด้านเทคโนโลยีพอลิโอเลฟิน เรามุ่งมั่นพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และมีคุณภาพสูงเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การขนส่งที่ยั่งยืนและความปลอดภัยของอาหาร ไปจนถึงน้ำสะอาดและการดูแลสุขภาพอย่างมีคุณภาพ กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.lyondellbasell.com หรือติดตาม @LyondellBasell ทางลิงด์อิน
ข้อความคาดการณ์อนาคต
ข้อความในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตถือเป็นข้อความคาดการณ์อนาคต โดยอ้างอิงจากสมมติฐานของฝ่ายบริหารของไลออนเดลบาเซล ซึ่งเชื่อว่าสมเหตุสมผล ณ เวลานั้น ข้อความคาดการณ์อนาคตมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมาย ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ อันเป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสามารถของเราในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน รวมถึงความสามารถในการเพิ่มกำลังการผลิตพอลิเมอร์จากการรีไซเคิลและการหมุนเวียน ความสำเร็จในการดำเนินการตามแผนการเติบโต ตลอดจนความสำเร็จในการก่อสร้างและดำเนินงานโรงงานที่กล่าวถึงข้างต้น สำหรับปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงออกมาแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ สามารถดูได้ที่หมวด "ปัจจัยเสี่ยง" (Risk Factors) ในรายงานประจำปี Form 10-K สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ในหน้าเพจนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) บนเว็บไซต์ www.LyondellBasell.com และบนเว็บไซต์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาที่ www.sec.gov
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/558633/LyondellBasell_Logo.jpg
การระดมทุนสำหรับเฟสสองมูลค่า 7.8 พันล้านดอลลาร์ เป็นการสิ้นสุดการระดมทุนสำหรับโครงการพลาคไมน์ แอลเอ็นจี มูลค่าราว 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา บริษัทออกหนังสือแจ้งให้ดำเนินการก่อสร้างเฟสสองต่อไป โครงการพลาคไมน์เฟสสองเป็นโครงการแรกที่บรรลุการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในปี 2566 และคาดว่าจะเป็นแหล่งผลิตก๊าซแอลเอ็นจีใหม่แห่งต่อไปในอเมริกาเหนือ เวนเจอร์ โกลบอล แอลเอ็นจี (Venture Global LNG) ได้ประกาศการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision หรือ FID)