บมจ.เอ็นแอลซูเปอร์แท็กซ์ เผยค่าใช้จ่ายกว่า 30% ถูกสรรพากรปฎิเสธ แนะผู้ประกอบการต้องรู้ค่าใช้จ่ายแบบไหนมาหักภาษีได้และหักไม่ได้

นายนิพนธ์ งามทรัพย์ทวีคูณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นแอล ซูเปอร์แท็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL SUPER TAX เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีภาคธุรกิจจำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายใดสามารถนำมาหักภาษีได้และหักภาษีไม่ได้ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายกว่า 30% ของธุรกิจ SMEs ที่นำมาหักภาษีถูกสรรพากรปฏิเสธ เนื่องจากไม่เข้าใจหลักการดังกล่าวทั้งที่เป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนภาษีให้มีประสิทธิถาพ เพราะสามารถช่วยประหยัดภาษีและป้องกันไม่ให้สรรพากรประเมินภาษีย้อนหลัง ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ว่าค่าใช้จ่ายใดบ้างที่สามารถนำมาหักภาษีได้ โดยมีหลักการพิจารณาง่าย ๆ คือ จะต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการเพื่อหารายได้หรือกำไร ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้ประกอบการหรือผู้บริการ อย่างไรก็ตาม บางค่าใช้จ่ายแม้จะเกี่ยวข้องกับธุรกิจแต่กฎหมายห้ามนำมาหากเป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่าปรับ เบี้ยปรับ ค่ารับรองเกินอัตราที่กำหนด ที่สำคัญทุกรายจ่ายต้องมีหลักฐานแม้ค่าใช้จ่ายนั้น ๆ จะเข้าเงื่อนไขหักภาษีได้ หากไม่มีหลักฐานการจ่ายที่น่าเชื่อถือมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกสรรพากรปฏิเสธ

นายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่นำมาหักภาษีได้แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้และถูกมองข้าม เช่น ค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน หักได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา หักได้เต็มจำนวนหากเป็นการซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม นอกจากนี้แล้วการบริจาคผ่านระบบ e-Donation สามารถนำมาหักได้ 2 เท่าแต่ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิ และหนี้สูญสามารถนำมาหักภาษีได้หากปฏิบัติตามเงื่อนไข สำหรับค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายนั้นสามารถนำมาหักภาษีได้แต่ต้องมีหลักฐานชัดเจนและสมเหตุสมผล

อย่างไรก็ตาม มีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่มักถูกสรรพากรปฏิเสธ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเดินทางส่วนตัว ค่าอาหารครอบครัว และค่าเสื้อผ้า รวมทั้งค่ารับรองเกินอัตรา นอกจากนี้แล้วค่าปรับและเบี้ยปรับ ค่าปรับจราจร เบี้ยปรับภาษี ไม่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ สำหรับค่าก่อสร้างอาคารไม่สามารถหักภาษีได้ และค่าใช้จ่ายที่ไม่มีหลักฐานแม้จะเป็นค่าใช้จ่ายจริงแต่ถ้าไม่มีหลักฐานการจ่ายก็จะถูกปฏิเสธเช่นกัน

"มีกรณีศึกษาที่เป็นบริษัทออกแบบรายหนึ่งถูกสรรพากรประเมินภาษีย้อนหลัง 3 ปี เพราะนำค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเจ้าของมาหักเป็นค่าใช้จ่ายบริษัท เช่น ค่าเทอมลูก ค่ารถยนต์ส่วนตัว ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มเพราะเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมกว่า 2 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ประกอบการควรแยกบัญชีส่วนตัวและธุรกิจให้ชัดเจน ไม่ใช้บัตรเครดิตบริษัทไปใช้จ่ายส่วนตัว นอกจากนี้แล้วจะต้องเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบ จัดเก็บใบเสร็จ สัญญา และเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 5 ปี ที่สำคัญควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ โดยเฉพาะรายการไม่ปกติหรือมีมูลค่าสูง" นายนิพนธ์กล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่ายที่หักภาษีได้และไม่ได้ ไม่เพียงช่วยประหยัดภาษีแต่ยังช่วยวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการถูกประเมินภาษีย้อนหลัง ที่สำคัญการวางแผนภาษีที่ดีไม่ใช้การหนีภาษีแต่เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

• ข่าวผู้ประกอบการ
• ข่าวบริษัท เอ็น
• ข่าวที่ผ่านมา
• ข่าวo:member
• ข่าวสรรพากร