ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บ.อิออน ธนสินทรัพย์ที่ 'A-(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

27 Feb 2023

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ที่ 'A-(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้คงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ 'A-(tha)' โดยบริษัทมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของ AEONTS สะท้อนถึงการที่บริษัทมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภค (consumer finance) ในประเทศไทย อีกทั้งบริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศไทยที่เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารและมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งมาตลอดแม้ว่าภาวะการแข่งขันจะมีความเข้มข้น เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งนี้ช่วยส่งเสริมให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวในอดีต ซึ่งรวมถึงในช่วงปีที่ผ่านมาที่บริษัทเผชิญกับความท้าทายจากสภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจ

ภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานโดยรวมน่าจะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคของประเทศไทย โดยฟิทช์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในอัตรา (GDP growth) ที่ 3.9% ในปี 2566 (เทียบกับ 2.6% ในปี 2565 และ 1.5% ในปี 2564) ผู้ให้บริการทางการเงินยังคงต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบต่อเนื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ และการปรับลดเกณฑ์เพดานดอกเบี้ยสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นน่าจะช่วยส่งเสริมตลาดแรงงานและช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านลบสำหรับภาคธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคได้

เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง: AEONTS มีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภค ซึ่งสนับสนุนโดยการมีสาขาทั่วประเทศไทยทั้งหมด 104 สาขา ฟิทช์คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะการแข่งขันยังคงมีความรุนแรงจากทั้งธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ซึ่งรวมถึงคู่แข่งรายใหม่ บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงบ้างในธุรกิจเช่าซื้อรวมทั้งการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายในประเทศจะยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท

ยังคงมีความเสี่ยงด้านคุณภาพของสินทรัพย์: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 (5.7%) แต่ความเสี่ยงได้ถูกลดทอนลงบ้างจากการตั้งสำรองหนี้สูญ โดยมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 186% นอกจากนี้ฟิทช์ยังเชื่อว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นน่าจะช่วยลดแรงกดดันจากการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงปี 2566 และฟิทช์คาดว่าอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมน่าจะปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 5% อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ โดยเฉพาะหากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจนั้นอยู่ในระดับที่น้อยกว่าที่คาดการณ์

ผลประกอบการค่อนข้างมีเสถียรภาพ: ผลประกอบการของ AEONTS ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตั้งสำรองหนี้สูญที่สูง โดยบริษัทมีอัตรากำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (ต่อปี) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 จาก 5.2% ในช่วงสิ้นปีงบการเงินปี2564 (สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565) ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจได้รับแรงกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ ซึ่งฟิทช์คาดว่าน่าจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ฐานะเงินทุนที่ดีขึ้น: การมีกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ AEONTS ช่วยสนับสนุนให้ฐานะเงินทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาบริษัทจะได้รับผลกระทบจากรายการพิเศษของการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนระดับหนี้สินของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ฟิทช์มองว่าอัตราส่วนหนี้ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ (debt/tangible equity) ที่ 3.6 เท่า ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564 น่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงที่ไม่ได้คาดการณ์ได้ในระดับหนึ่ง และฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะสามารถทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4 เท่าได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้ หากมีการปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของบริษัท โดยเฉพาะในกรณีที่คุณภาพสินทรัพย์มีการปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อความสามารถในการรองรับความเสี่ยงด้านรายได้และเงินทุนของบริษัท ตัวอย่างเช่น การมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 5% ร่วมกับการมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงด้านเงินทุนที่ลดลง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ที่สูงกว่า 5 เท่า การปรับตัวลดลงอย่างมากของอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ย และอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 100% โดยปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัท ถ้าฟิทช์ประเมินว่าเครือข่ายธุรกิจและโครงสร้างความเสี่ยงที่มีความสม่ำเสมอของบริษัทจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ตลอดวัฏจักรธุรกิจ เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินรายอื่นที่ได้มีอันดับเครดิตภายในประเทศในระดับใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ยังอาจบ่งชี้ได้จากการที่บริษัทมีอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด และมีอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่สูงกว่า 4% และเพียงพอที่จะรองรับความผันผวนของคุณภาพสินทรัพย์ตลอดวัฏจักรธุรกิจได้ ซึ่งจะช่วยรักษาให้อัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งจะต่ำกว่า 4 เท่า ทั้งนี้ AEONT ต้องไม่มีการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญในด้านระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ด้านความสามารถในการหารายได้และฐานะทางการเงิน จากการที่บริษัทมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ AEONTS ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท

หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ AEONTS จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท

รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'A-(tha)'; "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ"
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F2(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'A-(tha)'