BGRIM เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ คาดเปิดจองซื้อ 28-30 มี.ค. นี้ ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.75% - 5.95% ต่อปี

20 Feb 2023

BGRIM เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ คาดเปิดจองซื้อ 28-30 มี.ค. นี้ ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.75% - 5.95% ต่อปี จ่ายทุก 6 เดือน ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ

BGRIM เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ คาดเปิดจองซื้อ 28-30 มี.ค. นี้ ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.75% - 5.95% ต่อปี

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หนึ่งในบริษัทพลังงานเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ที่โดดเด่นในด้านการผลิตไฟฟ้าอุตสาหกรรมและไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 20 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศอีก 35 โครงการ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งที่ 1/2566 คาดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกคงที่ 5.75% - 5.95% ต่อปี (โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง) กำหนดชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยพร้อมกับสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใดก็ได้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ โดยไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้งตามดุลยพินิจของผู้ออกหุ้นกู้แต่เพียงผู้เดียว อัตราดอกเบี้ยจะปรับทุกๆ 5 ปี อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ราคาเสนอขายอยู่ที่หน่วยละ 1,000 บาท คาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2566 ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย และ บล.เกียรตินาคินภัทร

โดย BGRIM ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ อยู่ที่ระดับ "A" แนวโน้ม "คงที่" และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่เสนอขายในครั้งนี้อยู่ที่ระดับ "BBB+" โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคง ศักยภาพ และความแข็งแกร่งของบริษัทฯ

สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินลงทุนโครงการ จำนวน 2,000-4,000 ล้านบาท และใช้ชำระคืนหนี้ที่ถึงกำหนดชำระ จำนวน 1,000-2,000 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 2,000-3,000 ล้านบาท ภายในปี 2567

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ประกาศยุทธศาสตร์ GreenLeap ที่พลิกโฉมการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก และผู้นำด้านการพัฒนา ด้านพลังงานที่ยั่งยืนและปลอดภัย โดยยังคงยึดมั่นบนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้จะควบคู่ไปกับจุดแข็งของบริษัทฯ ประกอบด้วย ความสามารถในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ, การเป็นพันธมิตรที่ดีและได้รับความไว้วางใจ, ความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการ, การจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อรองรับการเติบโตด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายของการเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593

สำหรับยุทธศาสตร์ GreenLeap ตั้งเป้าหมาย EBITDA ประจำปีที่มากกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตรากำไร EBITDA ที่ 35% ภายในปี 2573 โดยยังคงรักษาโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยเป้าหมายของ บี.กริม เพาเวอร์ คือการบรรลุอัตราการเติบโตของ EBITDA ต่อปีแบบทบต้นในระดับ 10% ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแนวทางควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศา ของประเทศในกลุ่ม Non-OECD (2C Non-OECD) ที่กำหนดโดย International Energy Agency (IEA) ด้วยสัดส่วนโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงกว่า 50% ภายในปี 2573

ทั้งนี้ บี.กริม ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานถึง 145 ปี ขณะที่ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ในปัจจุบันกว่า 1 แสนล้านบาท โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก 3,338 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2565 เป็น 4,700 เมกะวัตต์ ในปี 2567 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 จากการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ และเน้นการลงทุนพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตขึ้นถึง 1 แสนล้านบาท โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการแสวงหาการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งยุโรป เพื่อกระจายความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงาน

บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ยังคงดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง จากความมุ่งมั่นดังกล่าว ส่งผลให้เราได้รับการยอมรับจากผู้ประเมินด้านความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ได้แก่ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายงาน The Sustainability Yearbook โดย S&P Global สองปีซ้อน โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทผู้นำ 10% แรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า สำหรับรายงานฉบับปี 2566 รวมถึงเป็นสมาชิก FTSE4Good Index Series และได้รับ MSCI ESG Rating ระดับ BBB นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Award 2565 พร้อมครองอันดับหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment: THSI) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน รวมถึงได้รับคะแนนในโครงการสำรวจและติดตามพัฒนาการด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies: CGR) ในระดับดีเลิศ (ห้าดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี

สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ คาดว่าจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2566 ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ ได้แก่

ธนาคารกรุงเทพ (โทร.1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking)

ธนาคารกรุงไทย (โทร. 02-111-1111)

ธนาคารกสิกรไทย (โทร 02-888-8888 กด 819)

ธนาคารไทยพาณิชย์ (โทร. 02-777-6784) ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (โทร.02-626-7777)

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร (โทร. 02-165-5555)

โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=490612

BGRIM เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ คาดเปิดจองซื้อ 28-30 มี.ค. นี้ ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.75% - 5.95% ต่อปี