- ๒๐:๑๑ กรมวิชาการเกษตร หารือ กรมควบคุมมลพิษ แนวทางการใช้ มาตรการ GAP แก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรกรรม
- ๒๐:๑๑ กรมวิชาการเกษตร หารือคณะเลขาธิการชมรมมะพร้าวนานาชาติเตรียมความพร้อมจัดประชุม ICC Session/Ministerial Meeting เสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนของอุตสาหกรรมมะพร้าว
- ๒๐:๑๑ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ และ เครือข่าย ASEAN-CRN พร้อมจับมือองค์กรระหว่างประเทศนำร่องขับเคลื่อนระบบเกษตร Net Zero
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร ได้เริ่มทำงานวิจัยเกี่ยวกับอินทผลัมมาตั้งแต่ ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน มีการสำรวจ รวบรวม และศึกษาลักษณะประจำพันธุ์อินทผลัมเพื่อนำไปพัฒนาสายพันธุ์อินทผลัมที่มีผลผลิตและคุณภาพดี ต่อมามีการศึกษาถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอินทผลัมที่เหมาะสมในภาคเหนือตอนบน ดังนี้
องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการโรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ
- ด้วงแรดมะพร้าว ตัวเต็มวัยเข้าทำลายอินทผลัม ทำให้ใบที่เกิดใหม่ไม่สมบูรณ์ มีรอยขาดแหว่งเป็นริ้วคล้ายหางปลาหรือรูปพัด รอยแผลที่ถูกด้วงแรดกัดเป็นเนื้อเยื่ออ่อนทำให้ด้วงงวงมะพร้าวเข้ามาวางไข่ หรือเป็นทางให้เกิดยอดเน่าจนถึงต้นตายได้ในที่สุด
การป้องกันกำจัด
- ทำความสะอาดบริเวณสวนอินทผลัมเพื่อกำจัดแหล่งขยายพันธุ์ ถ้ามีกองปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกควรเกลี่ยให้หนาไม่เกิน 15 เซนติเมตร
- ใช้ราเขียวเมตาไรเซียม สายพันธุ์ DOA-M5 ของกรมวิชาการเกษตร ใส่ไว้ตามกองขยะ กองปุ๋ยคอก หรือท่อนมะพร้าวที่มีหนอนด้วงแรดมะพร้าวอาศัยอยู่
- ใช้สารเคมีในต้นอินทผลัมที่ไม่สูง ใช้ลูกเหม็นใส่บริเวณคออินทผลัม ใช้สารฆ่าแมลงไดอะซินอน (กลุ่ม 1) 60% EC หรือ คาร์โบซัลแฟน (กลุ่ม 1) 20% EC 80 มล./น้ำ 20 ลิตร หรือ คาร์บาริล (กลุ่ม 1) 85% WP 80 กรัม/น้ำ 20 ลิตร สลับกับ อิมิดาคลอพริด (กลุ่ม 4) 70% WG หรือ ไทอะมีทอกแซม (กลุ่ม 4) 25% WG 5-10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ราดบริเวณคออินทผลัมตั้งแต่โคนยอดอ่อนลงมาให้เปียกเพื่อป้องกันด้วงมาวางไข่ ส่วนอินทผลัมต้นสูง ให้เปลี่ยนเป็นวิธีการฉีดสารเข้าลำต้นด้วยสารอีมาเมกติน เบนโซเอต (กลุ่ม 6) 1.92% EC เข้มข้นโดยไม่ต้องผสมน้ำ 30-50 มล./ต้น โดยใช้สว่านเจาะรูให้เอียงลงประมาณ 45 องศา จำนวน 2 รู ให้ตรงกันข้ามและต่างระดับกันเล็กน้อย เจาะรูลึก 10 ซม. รูอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร แล้วฉีดสารฆ่าแมลงลงไปรูละ 15 มิลลิลิตร ปิดรูด้วยดินน้ำมัน
-ใช้ฟีโรโมนล่อด้วงแรด เอทิล-4-เมทิลออกตะโนเอต
- ด้วงงวงมะพร้าว หรือด้วงสาคู หรือด้วงลาน ในอินทผลัมด้วงชนิดนี้ชอบเจาะหรือทำลายในลำต้นและทำให้ต้นอินทผลัมตายในที่สุด
การป้องกันกำจัด
- สามารถป้องกันและกำจัดด้วงแรดโดยใช้วิธีเดียวกับวิธีการป้องกันกำจัดด้วงแรดมะพร้าว
- ใช้น้ำมันเครื่องใช้แล้วหรือชันผสมกับน้ำมันยาง ทาบริเวณแผลโคนต้น หรือลำต้นอินทผลัมเพื่อป้องกันการวางไข่
- ใช้ฟีโรโมนล่อด้วงงวงมะพร้าว 4-เมทิล-5-โนนาโนน
- โรคราเขม่า หรือ โรครา (ภาษาไทย) Glaphiola leaf spot เกิดจากเชื้อรา (ภาษาไทย)Glaphiola phoenicis มีการระบาดมากในอินทผลัม ลักษณะของเชื้อราที่ทะลุใบขึ้นมามีลักษณะเหมือนรูปถ้วย มีเส้นใยเล็กๆ สีเหลือง คล้ายเส้นด้ายโผล่ขึ้นมา เพื่อช่วยกระจายสปอร์ออกไป เมื่อกระจายสปอร์ออกไปแล้วเส้นใยเล็ก ๆ จะยุบลงเป็นสีดำ รวมทั้งสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ
การป้องกันกำจัด
- ตัดใบล่างที่แสดงอาการของโรคไปเผาบริเวณนอกสวน
- ไม่ควรรดน้ำแบบสปริงเกอร์ เพราะเชื้อราจะกระจายมากขึ้น โดยทำเป็นแบบวงรอบทรงพุ่ม การลดความชื้นจะทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง
- พ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา ได้แก่ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ ไทแรม คลอโรทาโรนิล ไทอะเบนดาโซล อะซอกซีสโตรบิน ไดฟีโนโคนาโซล หรือ แมนโคเซบ
นอกจากนี้ ยังมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการขยายพันธุ์อินทผลัม ได้แก่
- การแยกหน่อ เพิ่มความสำเร็จในการแยกหน่อโดยการตอนหน่ออินทผลัมก่อนแยกลงปลูกในแปลง ควรเลือกหน่อผิวดินบริเวณโคนต้นจะออกรากง่ายกว่าหน่อบนต้น เส้นรอบวง 60-90 เซนติเมตร ตัดกาบใบออกให้เกือบถึงเนื้อไม้ และพ่นโคนหน่อด้วยสาร iba ความเข้มข้น 1,000 หรือ 3,000 มิลลิกรัมต่อลิตร แล้วหุ้มด้วยขุยมะพร้าวเปียกและห่อด้วยพลาสติกใสมัดด้านนอกด้วยเชือก ทำให้หน่อออกรากเป็นจำนวนมาก ตัดหน่อจากต้นแม่หลังจากตอน 6 เดือน สามารถเพิ่มการรอดชีวิตได้
- การเพิ่มเปอร์เซ็นต์การติดผลของอินทผลัม การถ่ายละอองเกสรเพื่อให้มีเปอร์เซ็นต์การติดผลมากกว่า 80% ทำได้โดยการถ่ายละอองเกสรด้วยมือบนช่อดอกเพศเมียในระยะที่กาบช่อดอกเริ่มแตกและหลังจากกาบช่อดอกแตก 2 วัน แต่ไม่ควรเกิน 4 วัน เนื่องจากทำให้เปอร์เซ็นต์การติดผลน้อยลง และหากมีจำนวนช่อดอกเพศเมียอยู่ในระยะที่เหมาะสมพร้อมกัน สามารถดำเนินการถ่ายละอองเกสรได้ทุกช่วงเวลาในวันดังกล่าว ในกรณีที่เกษตรกรมีละอองเกสรปริมาณจำกัด สามารถนำละอองเกสรปริมาณ 0.5 กรัม (ครึ่งหนึ่งของปริมาณการใช้ปกติ) มาผสมกับแป้ง Talc 0.5 กรัม หรือสารละลายซูโครส 20% ก่อนถ่ายละอองเกสรตามปกติ
"องค์ความรู้ทั้งด้านการป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูพืชและการเพิ่มประสิทธิภาพการขยายพันธุ์อินทผลัม ทั้งหมดนี้ กรมวิชาการเกษตรเตรียมที่จะถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัมและนักวิชาการทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านโครงการการนำผลงานวิจัยสู่กลุ่มเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการเกษตร ในปี 2566 ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ เป็นหน่วยงานหลักในการถ่ายทอดองค์ความรู้ครั้งนี้ และคาดว่า ปี 2566-2570 เกษตรกรและนักวิชาการจะมีความรู้และความเข้าใจในการผลิตอินทผลัมที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อย 200 ราย" อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
ที่มา: กรมวิชาการเกษตร