'PRM' โชว์ผลงานครึ่งปีแรก ทำรายได้รวม 3,177.90 ล้านบาท เติบโต 10.35% เล็งขยายพอร์ตกองเรือเสริมความแข็งแกร่ง หนุนการเติบโตครึ่งปีหลังพุ่ง

11 Aug 2022

'บมจ. พริมา มารีน' หรือ ("PRM") เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำรายได้รวม 3,177.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.35% จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ระบุกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และกลุ่ม Offshore Support เติบโตโดดเด่นพร้อมรุกครึ่งปีหลัง เล็งขยายกองเรือเพิ่มอีก 2-3 ลำ หนุนการเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

'PRM' โชว์ผลงานครึ่งปีแรก ทำรายได้รวม 3,177.90 ล้านบาท เติบโต 10.35% เล็งขยายพอร์ตกองเรือเสริมความแข็งแกร่ง หนุนการเติบโตครึ่งปีหลังพุ่ง

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("PRM") ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,703.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่แข็งแกร่งจากพอร์ตกองเรือที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความความต้องการใช้เรือของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการบริโภคน้ำมันภายในประเทศ ส่งผลดีต่อรายได้รวมครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) ที่ทำได้ 3,177.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าธุรกิจ FSU จะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และธุรกิจเรือ Offshore Support มีการเติบโตอย่างโดดเด่น นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังจากการประกาศให้โรค COVID-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรในสุทธิไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 212.36 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีกำไรจากการขายเรือซึ่งเป็นกำไรพิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอยู่ถึง 189.1 ล้านบาท และจากปัจจัยเงินบาทที่อ่อนค่าลงนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับมูลหนี้ที่กู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางบัญชี จึงทำให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์ในกรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวโดยได้บันทึกเป็นรายได้ค่าบริการที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ที่เป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐมากกว่ารายได้ที่เป็นสกุลเงินบาท โดยหากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมรายการพิเศษ บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 2/2565 จำนวน 276.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.30% สะท้อนถึงขีดความสามารถการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง

ส่วนทิศทางดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยกลุ่มธุรกิจที่เป็นเรือธงในการขับเคลื่อน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ ภายหลังให้บริการเรือ VLCC แก่กลุ่มลูกค้าไทยออยล์เพิ่มเติมอีก 1 ลำ ภายใต้สัญญา Time Charter เป็นระยะเวลา 10 ปี และกลุ่มธุรกิจ Offshore Support ที่มีอัตราการใช้เรือ 100% จากการให้บริการเรือ AWB 2 ลำ และเรือ Crew Boat 13 ลำ แก่กลุ่ม ปตท.สผ. เพื่อสอดรับกับกิจกรรมสำรวจและผลิตน้ำมันปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่กำลังขยายตัว ขณะที่กลุ่มเรือขนส่งภายในประเทศจะมีอัตราการใช้บริการเรือที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บหรือเรือ FSU นั้น บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการบริหารจัดการเรือให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้จากการให้บริการผสมน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีแผนจัดหาเรือเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งอีก 2-3 ลำ และบริหารจัดการด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อสนับสนุนการเติบโตตามแผนที่วางไว้