YLG คว้ารางวัลผู้ส่งออกทองคำที่มีความรับผิดชอบสูงสุดจากสื่อการเงินระดับโลก ตั้งเป้าขยายตลาดสู่จีน-อินเดีย หลังให้บริการครอบคลุมอาเซียน 6 ประเทศ

01 Mar 2022

วายแอลจี คว้ารางวัลผู้ส่งออกทองคำเอเชียที่มีความรับผิดชอบสูงสุด จาก Capital Finance International นิตยสารการเงินระดับโลกการันตีผลงานคุณภาพในระดับสากล ทั้งการขนส่ง การบริการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ล่าสุดเปิดบริการแอปพลิเคชั่นใหม่ YLG Gold Investment" เจ้าแรกในไทยที่เทรดทองได้ 5 สกุลเงิน ซื้อขายได้ทั้ง ดอลลาร์, หยวน, สิงค์โปรดอลลาร์, ยูโร และบาท เปิดเป้าหมายธุรกิจตั้งเป้าขยายตลาดสู่จีน-อินเดีย หลังเจาะตลาดอาเซียนครอบคลุมแล้วทั้ง สิงคโปร์ พม่า ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย ส่วนสถานการณ์ทองคำยังแข็งแกร่งนักลงทุนยังเชื่อมั่นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย พร้อมแนะนำนักลงทุนระยะสั้นโดยแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น เพื่อรอเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อราคาอ่อนตัวลง

YLG คว้ารางวัลผู้ส่งออกทองคำที่มีความรับผิดชอบสูงสุดจากสื่อการเงินระดับโลก ตั้งเป้าขยายตลาดสู่จีน-อินเดีย หลังให้บริการครอบคลุมอาเซียน 6 ประเทศ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า Capital Finance International (Cfi.co) นิตยสารด้านการเงินระดับโลก ได้มอบรางวัล Export Awards 2021 - Most Responsible Gold Exporter - Asia 2021 ให้กับกลุ่มวายแอลจี (YLG Group) โดยทางคณะกรรมการจะคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติจากทั่วทุกมุมโลกที่จะต้องผ่านเกณฑ์การแข่งขันที่กำหนดไว้รอบด้าน ซึ่งแบ่งการตัดสิน เป็น 2 รอบ โดย 1 รอบจากผลโหวตที่เปิดโหวตทางหน้าเว็บไซต์ Cfi.co ละอีกรอบหนึ่งจากทีมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวงการธุรกิจ และพิจารณาคุณสมบัติครบจาก 11 ด้าน ตามเกณฑ์การคัดเลือก พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดยั้งการพัฒนา ได้แก่ 1.ความยั่งยืนและแนวโน้มการเติบโตของการส่งออก 2.นำเสนอผลิตภัณฑ์ และ บริการที่ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ 3.คุณภาพของการขายและการตลาดระดับสากล 4.การดำเนินงานด้านการขนส่ง 5.การบริหารความเสี่ยงด้านสกุลเงินและสินเชื่อ 6.นวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ 7. การเข้าถึงวัฒนธรรมต่างประเทศและความหลากหลายของตลาดที่แตกต่างกัน 8.ความแข็งแกร่งของทีมผู้บริหาร 9.การกำกับดูแลกิจการที่ดี 10.การเป็นพลเมืองดีระหว่างประเทศ และความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) 11.ความมั่นคงของผู้เข้ารับการเสนอชื่อ

อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับรางวัลในครั้งนี้ วายแอลจี จะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพและการให้บริการต่อไป ซึ่งในส่วนของคุณภาพและบริการของวายแอลจีนั้น ปัจจุบันได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียนผ่านจากให้บริการของ วายแอลจี บูลเลี่ยน สิงคโปร์ ปัจจุบันได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พม่า กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย เป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขายของบริษัทขึ้นมาเทียบเท่ากับบริษัทในประเทศไทยหลังเริ่มต้นดำเนินการเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ในปัจจุบัน วายแอลจี บูลเลี่ยน สิงคโปร์ ยังเป็นทั้งคณะกรรมการบริหารของ The Singapore Bullion Market Association (SBMA) และเป็นสมาชิกของ The Shanghai Gold Exchange(SGE) ในประเทศจีนอีกด้วย โดยเป้าหมายสำหรับตลาดต่างประเทศในอนาคต คือ การขยายตลาดไปสู่ในประเทศอื่นๆทางบริษัทฯได้เล็งเห็นศักยภาพ อาทิ จีน อินเดีย เป็นต้น

ในส่วนของเทคโนโลยีนั้น ล่าสุด วายแอลจีได้ ยกระดับระบบเทรดทอง ตามความต้องการของนักลงทุน เปิดตัว แอปพลิเคชั่น "YLG Gold Investment" เจ้าแรกในไทยที่เทรดทองได้ 5 สกุลเงิน ซื้อขายได้ทั้ง ดอลลาร์, หยวน, สิงค์โปรดอลลาร์, ยูโร และบาท เริ่มต้นลงทุนเพียง 1 ออนซ์ หรือ 31.104 กรัม ( ประมาณ 2 บาททอง หรือ 60,000บาท)ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้สะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น (Android / IOS) เพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัย ในการจัดส่งสินค้า ผ่านระบบการยืนยันตัวตนผ่าน OTP รัดกุม ปลอดภัย สะดวกรวดเร็ว สามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมย้อนหลังได้ ทั้งธุรกรรมการฝาก-ถอนเงิน ฝาก-ถอนทอง ซื้อ- ขาย และการรับ-ส่งทองคำ มีการแจ้งเตือนการทำผ่านมือถือทุกครั้งที่ทำธุรกรรม เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยในกับนักลงทุน นอกจากนี้ยังตั้งราคาซื้อขายได้อัตโนมัติโดยสามารถเลือกจะตั้งราคาถึงเวลาปิดตลาด หรือ ตั้งราคาซื้อขายได้นานจนกว่าจะยกเลิก รวมถึงสามารถกำหนดวันเวลาในการรับทอง หรือการนัดส่งทองได้เอง สามารถซื้อ-ขายได้ตลอดผ่านช่องทางออนไลน์วันจันทร์ - ศุกร์ ตลอด 24 ชม. เสาร์อาทิตย์ก็มีราคาพิเศษให้ซื้อขาย โดย ณ ตอนนี้ แอปพลิเคชั่นYLG Gold Investment เทรดทองได้ทั้งสกุลเงินบาทและดอลลาร์ และทาง YLG กำลังพัฒนาให้เทรดได้ครบทั้ง 5 สกุลเงิน คาดว่าภายในไตรมาสแรกของปี 2022

ส่วนแนวโน้มความเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงเดือน มี.ค. วายแอลจีมองว่า ราคาทองคำจะแกว่งตัวผันผวนตามปัจจัยพื้นฐาน โดยมองแนวต้านที่ 1,958-1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับที่ 1,870-1,863 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดของการปะทะกันในยูเครน กระตุ้นให้นักลงทุนยังคงเข้าลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่แนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)และแรงขายทำกำไรอาจส่งผลให้ราคาทองคำทดสอบกรอบล่างได้เช่นกัน ส่วนทองคำในประเทศมีโอกาสเคลื่อนไหวที่ 28,800-30,500 บาทต่อบาททองคำ

ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นให้รอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,958 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป 1,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านแรกได้ อาจเกิดแรงขายกดดันราคาปรับตัวลดลงเข้าใกล้บริเวณแนวรับอีกครั้ง อย่างไรก็ตามราคาทองคำมีการแกว่งตัวมากขึ้น นักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาทิ้งตัวลงหลุดแนวรับโซน 1,829 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

YLG คว้ารางวัลผู้ส่งออกทองคำที่มีความรับผิดชอบสูงสุดจากสื่อการเงินระดับโลก ตั้งเป้าขยายตลาดสู่จีน-อินเดีย หลังให้บริการครอบคลุมอาเซียน 6 ประเทศ