- ๒๘ พ.ค. บลจ.ทาลิส จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย ประเมินตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มจากหลายปัจจัยบวก
- ๒๘ พ.ค. อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ ลดหนักจัดใหญ่ เอาใจนักอ่าน กับมหกรรม "นิยม นิยาย ครั้งที่ 2" วันนี้ - 29 พฤษภาคมนี้ ณ ยูเนียนมอลล์
- ๒๘ พ.ค. รมว.สุชาติ ชวนเยาวชนประลองทักษะฝีมือแรงงานทั่วไทย
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM กล่าวว่า การปันผลของทั้งกองทุนรวม BKD และ BSIRICG มาจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อของการที่บริษัทจดทะเบียนต่างรับรู้ผลกระทบจากโควิดระลอกที่ 4 ในไตรมาส 3 แต่ก็ทยอยรับข่าวดีในไตรมาส 4 จากการเดินหน้าเปิดประเทศ สถานการณ์ต่อการระบาดของโควิดดีขึ้นจากยอดติดเชื้อที่ลดลงและผู้ได้รับวัคซีนมีจำนวนเพิ่มขึ้น ที่สำคัญบริษัทจดทะเบียนต่างมีความพร้อมรับมือสถานการณ์ได้ดีมากขึ้น ทั้งหมดนี้จึงส่งผลดีต่อหุ้นของบริษัทที่ทั้งสองกองทุนคัดสรรในการเข้าไปลงทุน
สำหรับนักลงทุนที่มองว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ความพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน และได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศที่อาจปรับตามสถานการณ์ในแต่ละช่วง ทั้งกองทุน BKD และ BSIRICG ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี โดย BKD มีแนวคิดที่จะเข้าไปเลือกหุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง มีโมเดลธุรกิจที่เติบโตไปสู่โลกอนาคต และพร้อมกลับมาเติบโตไปกับสถานการณ์ที่ดี ที่สำคัญราคายังน่าลงทุน
ส่วน BSIRICG นอกจากที่จะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่พร้อมเติบโตแล้ว ยังให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรมของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทที่เข้าลงทุนจะต้องได้รับการจัดอันดับบรรษัทภิบาลในอันดับดีขึ้นไป และอีกเรื่องหนึ่งที่ให้ความสำคัญคือความสม่ำเสมอของการปันผล
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน BKD และ BSIRICG ได้ที่เว็บไซต์ bblam.co.th หรือ โทร. 02-674-6488 กด 8 นอกจากนี้ยังลงทุนได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จาก ธนาคารกรุงเทพ
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา: หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง