กลุ่มผู้นำโลกหนุนความร่วมมือครั้งใหม่ด้านการท่องเที่ยว ดันเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในการประชุม COP26

05 Nov 2021

STGC ถือกำเนิดในฐานะความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว สู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  

- บุคคลสำคัญระดับโลก ทั้งอดีตผู้นำประเทศและสถาบันชั้นนำ ร่วมหารือกับ STGC ในการประชุม COP26

STGC ตั้งเป้าขยายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ รวมถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ และช่วยเหลือชุมชน

ผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ได้รับทราบถึงความร่วมมือครั้งใหม่ที่จะเร่งให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยบรรดารัฐมนตรีจากประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ และผู้นำจากองค์กรระหว่างประเทศ ได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวที่ยั่งยืนผ่านกลุ่มความร่วมมือ Sustainable Tourism Global Centre (STGC)

ทั้งนี้ STGC เป็นกลุ่มพันธมิตรที่มีหลายประเทศเข้าร่วมและมีสมาชิกจากหลายฝ่ายที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อเป็นผู้นำในการเร่งให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมทั้งติดตามผล ตลอดจนขับเคลื่อนการคุ้มครองธรรมชาติและสนับสนุนชุมชน

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีผู้ประกอบการอยู่มากมาย ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก (SIDS) ล้วนต่างพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีธุรกิจการท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านธุรกิจที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดย่อม ซึ่งคิดเป็น 80% ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมด STGC จึงกำหนดเป้าหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้คนและโลกใบนี้ โดยปฏิรูปแนวทางการมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในการแก้ไขปัญหาโลกร้อน เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการมากที่สุด

ทั้งนี้ อาเหม็ด อัล-คาตีป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย ได้ร่วมหารือวาระพิเศษว่าด้วยอนาคตของ STGC ในระหว่างการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ร่วมกับนายเฟลิเป กัลเดรอน อดีตประธานาธิบดีเม็กซิโก ประธานเศรษฐกิจภูมิอากาศแนวใหม่และสถาบันทรัพยากรโลก, นายเดวิด ลิฟวิงสตัน ที่ปรึกษาอาวุโส ทูตพิเศษฝ่ายกิจการสภาพอากาศของสหรัฐ ตลอดจนผู้นำคนอื่น ๆ

สำหรับยุทธศาสตร์ของ STGC นั้นจะเกิดขึ้นโดยอาศัยความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ กลุ่มนักวิชาการ สถาบันการเงินและกลุ่มพหุภาคี ตลอดจนกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ส่วนประเทศที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือที่สำคัญในเฟสแรกนี้ ประกอบด้วยสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมนี เคนยา จาไมกา โมร็อกโก สเปน และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับสภาพอากาศ การท่องเที่ยว และธุรกิจ SME ซึ่งจะนำไปสู่การประสานความร่วมมือในโครงการที่สำคัญเช่นนี้

สำหรับหน่วยงานระดับสูงที่จะช่วยวางรากฐานให้กับศูนย์ STGC และให้บริการในเฟสแรก ประกอบด้วยสถาบันทรัพยากรโลก (WRI), อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC), โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP), หอการค้านานาชาติ (ICC), สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC), ธนาคารโลก และ SYSTEMIQ นอกเหนือไปจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านการค้นคว้าวิจัยและสร้างศักยภาพให้กับ STGC ขณะที่ UNFCCC จะช่วยวางแนวทางเพื่อให้ศูนย์ STGC เร่งดำเนินงานเพื่อสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในอุตสาหกรรม

ศูนย์ STGC จะให้บริการและส่งมอบผลิตภัณฑ์ผ่านสามแนวทางหลัก อันได้แก่ การสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ การวัดและติดตามผล รวมถึงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม โดย STGC จะยึดสามแนวทางนี้เพื่อมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเก้าด้านเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านมาตรฐานการพัฒนาและการจัดสรรทรัพยากรสำหรับภาคการท่องเที่ยว การส่งเสริมศักยภาพ รวมไปถึงการสนับสนุนด้านงบประมาณในโครงการและการลงทุน

STGC มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย และยังวางแผนเปิดสำนักงานสาขาในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย พร้อมทั้งมีบริการออนไลน์หลายภาษา

ทั้งนี้ ประเทศและองค์กรอื่น ๆ จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมเฟสที่ 2 นอกจากนี้ จะมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในด้านการท่องเที่ยวและสภาพอากาศมารวมตัวกัน เพื่อสนับสนุนความพยายามครั้งสำคัญนี้

คุณอาเหม็ด อัล-คาตีป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า

"การระบาดของโควิด-19 แสดงให้โลกเห็นถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ รวมถึงชุมชนที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวซึ่งเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอก เราจึงต้องดำเนินการโดยทันทีเพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่นมีความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาความท้าทายจากสภาพอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกับธุรกิจ รัฐบาล และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อเร่งดำเนินการนี้ โดยซาอุดีอาระเบียมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความพยายามที่สำคัญยิ่งนี้"

คุณเฟลิเป กัลเดรอน อดีตประธานาธิบดีเม็กซิโก และประธานสถาบันทรัพยากรโลก กล่าวว่า

"เราดำเนินโครงการนี้ร่วมกับผู้นำโลกที่ร่วมภารกิจกับเรา ในการนำพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้บรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ธุรกิจและรัฐบาลมีช่องทางที่นำไปสู่โอกาสในการร่วมมือกันเพื่อผลักดันเป้าหมายดังกล่าว โดย STGC จะเป็น "ดาวเหนือ" ที่นำพาภารกิจนี้ไปสู่ความสำเร็จ"

คุณเอ็ดมันด์ บาร์แล็ตต์ รัฐมนตรีท่องเที่ยวของจาไมกา กล่าวว่า

"รัฐบาลจาไมกาซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็กและมีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ ยังคงมุ่งมั่นสร้างความยืดหยุ่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จาไมกามีความยินดีที่ได้รับโอกาสเป็นพันธมิตรกับกลุ่มความร่วมมือ STGC เพื่อมีส่วนร่วมและรับประโยชน์จากความพยายามร่วมกันนี้ เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป"

คุณเจเน็ต โรแกน ทูตสหราชอาณาจักรประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาในการประชุม COP กล่าวว่า

"เราภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม COP26 เวลาที่มนุษย์เราใช้ในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศเหลือน้อยลงไปทุกที ตอนนี้เราต้องลงมือทำแล้ว การท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างการเติบโต เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการใหม่ที่สำคัญนี้เพื่อเร่งให้ภาคการท่องเที่ยวเดินหน้าสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์"

คุณฟาติม ซาห์รา อัมมอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว หัตถกรรม และเศรษฐกิจสังคมของโมร็อกโก กล่าวว่า

"ภายใต้คำแนะนำของสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 ราชอาณาจักรโมร็อกโกได้ผนวกความยั่งยืนเข้าเป็นหนึ่งในเสาหลักของยุทธศาสตร์ภาคการท่องเที่ยวมาแล้ว รวมถึงรูปแบบการพัฒนาที่คิดขึ้นใหม่ด้วย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจำเป็นต้องร่วมกันสร้างและออกแบบแผนฟื้นฟูที่ยั่งยืนที่เกี่ยวกับกิจกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว กลุ่ม Sustainable Tourism Global Center ถือเป็นก้าวสำคัญต่อเป้าหมายนี้"

คุณนาจิบ บาลาลา รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและสัตว์ป่าของเคนยา กล่าวว่า

"ในฐานะจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เคนยาได้รับผลกระทบอย่างมากจากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาด ดังนั้น เราจึงเห็นพ้องกันว่าควรมีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับแนวทางใหม่ที่ยั่งยืนสำหรับการท่องเที่ยวระดับโลก เราเป็นผู้สนับสนุนที่เข็มแข็งของกลุ่มความร่วมมือ Sustainable Tourism Global Center พร้อมด้วยยุทธศาสตร์ Wildlife Strategy 2030 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อมอบระบบนิเวศทางธรรมชาติที่เฟื่องฟูภายใต้แรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"

คุณมาเรีย เรเยส มาโรโต รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม การค้า และการท่องเที่ยวของสเปน กล่าวว่า

"การประชุม COP26 เป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลกของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการท่องเที่ยว สเปนส่งเสริมโครงการด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคส่วนท่องเที่ยว และประยุกต์ใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะเร่งการเปลี่ยนผ่านสีเขียวสำหรับภาคการท่องเที่ยวตามข้อตกลงลดโลกร้อนของสหภาพยุโรป สเปนเป็นสมาชิกที่มีบทบาทอย่างแข็งขันในโครงการนานาชาติ เช่น โครงการ Planet's Sustainable Tourism Programme และจะยังคงเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่ทำงานร่วมกับประเทศอื่นในระดับโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนสถาบันนานาชาติและผู้แทนภาคธุรกิจ"

คุณจูเลีย ซิมป์สัน ประธานและซีอีโอของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก กล่าวว่า

"ในช่วงเวลาที่ความเป็นผู้นำเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ เราขอชื่นชมโครงการของซาอุดีอาระเบีย ที่มุ่งสนับสนุนภาคส่วนให้บรรลุเป้าหมายระดับโลกและรับรองอนาคตที่ยั่งยืน WTTC มีความยินดีที่ได้มีส่วนสนับสนุนกลุ่มความร่วมมือนี้ ผ่านข้อมูล การวิจัย และความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใครจากธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก"

จอห์น ดับบลิว เอช เดนตัน เอโอ เลขาธิการหอการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า

"ผมขอชื่นชมในความพยายามที่มีหลายประเทศเข้าร่วมและมีสมาชิกจากหลายฝ่าย ในการเร่งดำเนินการด้านความยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยวระดับโลก หากคำนึงถึงผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่มีต่อความแข็งแกร่งของภาคส่วนนี้ การเป็นพันธมิตรจึงมีความสำคัญที่จะรับรองว่าผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวรายย่อยสามารถกลับมาฟื้นฟูได้อย่างแท้จริง และกลายเป็นแรงที่ทรงพลังสำหรับชุมชนท้องถิ่นและโลกของเรา"

"ในฐานะสถาบันที่เป็นตัวแทนของบริษัทมากกว่า 45 ล้านแห่งครอบคลุมกว่า 100 ประเทศ และหน่วยงานหลักอย่างเป็นทางการของ UNFCCC สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม หอการค้าระหว่างประเทศตั้งตารอที่จะส่งเสริมการพัฒนาศูนย์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับเครือข่ายธุรกิจระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดเล็กหลายล้านรายในภาคการท่องเที่ยว"

คุณกลอเรีย เกวารา หัวหน้าที่ปรึกษาพิเศษของรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า

"ภาคการท่องเที่ยวได้ประสบกับอะไรมามากมายตลอดช่วงการแพร่ระบาด และประกอบกับความเร่งด่วนในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจำเป็นต้องพึ่งพาโซลูชันระดับโลก SME ในภาคส่วนของเรา เช่น บริษัทท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว อาจไม่ทราบระดับการปล่อยคาร์บอนของตน และไม่ทราบแนวทางปฏิบัติเพื่อลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ทุกครั้งที่เราเดินทางท่องเที่ยว เราสร้างงานและลดความยากจน ซึ่งคงจะดีหากเราไปถึงจุดที่ยิ่งเราเที่ยว ยิ่งดีต่อโลก กลุ่มพันธมิตรที่มีหลายประเทศเข้าร่วมและมีสมาชิกจากหลายฝ่ายนี้ จะทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่กระจัดกระจายในภาคการท่องเที่ยวมารวมกันได้ และให้ความรู้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการในตอนนี้"

ดร. รามอน ซานเชส นักวิจัยหลัก ประจำภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า

"ในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกที่มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง ชุมชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องอาศัยเครื่องมือ กรอบการทำงาน และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทีมงานจากมหาวิทยาฮาร์วาร์ดรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมมือกับ STGC ในการทำวิจัย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้บรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์"

คุณเจเรมี ออพเพนไฮม์ ผู้ก่อตั้ง SYSTEMIQ บริษัทที่ปรึกษาและการลงทุนระดับโลก ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภาคการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความตกลงปารีส และเป็นผู้สนับสนุน STGC กล่าวว่า

"STGC ตั้งเป้าที่จะรวบรวมภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งการบิน การบริการ การขนส่ง และบริการจัดเลี้ยง เข้ากลุ่มพันธมิตรที่มีหลายประเทศเข้าร่วมและมีสมาชิกจากหลายฝ่าย ซึ่งช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME จากภาคส่วนที่เดิมทีปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วน 8% ของทั้งโลก มาเป็นผู้ขับเคลื่อนโลกที่ฟื้นฟูและปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์"

นิคลาส สเวนนิงเซน ผู้จัดการฝ่ายการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ประจำกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า

"การท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนที่มีความเปราะบางเป็นอันดับต้น ๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีศักยภาพดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติภายในปี 2573 การดำเนินการด้านสภาพอากาศทำให้เกิดโอกาสที่ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ โดยจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ชุมชน และประเทศต่าง ๆ อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสภาพอากาศ"

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1678329/STGC_1.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1678330/STGC_2.jpg

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit