HL เตรียมขายไอพีโอ 72 ล้านหุ้น ปักหมุดระดมทุน mai ในไตรมาส 4/64 โชว์ศักยภาพธุรกิจร้านขายยารายแรกเข้าตลาดหุ้น

02 Nov 2021

บมจ. เฮลท์ลีด (HL) เตรียมขายไอพีโอ 72 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.47%ของหุ้นทั้งหมด คาดระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4/64 ชูจุดเด่นเป็นธุรกิจร้านขายยาแบบครบวงจรรายแรกของไทย ที่มีศักยภาพระดมทุนในตลาดหุ้น ฟาก ซีอีโอ "ธัชพล ชลวัฒนสกุล" ยกระดับเป็นองค์กรที่ได้มาตรฐาน เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเพิ่มฐานทุนให้แข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายธุรกิจ สำหรับเงินที่ได้นำไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเดิม พร้อมใช้เป็นทุนหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน

HL เตรียมขายไอพีโอ 72 ล้านหุ้น ปักหมุดระดมทุน mai ในไตรมาส 4/64 โชว์ศักยภาพธุรกิจร้านขายยารายแรกเข้าตลาดหุ้น

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) (HL) ประเมินว่า HL จะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.47% และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4/2564

"HL จะเป็นหุ้นธุรกิจร้านขายยาบริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และเป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นธุรกิจร้านขายยา Chain Store ที่มีสาขาตั้งอยู่ที่ในทำเลที่เข้าถึงแหล่งชุมชน รวมทั้งมีเภสัชกรประจำตลอดเวลา ขณะเดียวกันอยู่ในอุตสาหกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโต และยังเป็นธุรกิจแห่งอนาคตมีโอกาสสร้างการเติบโตได้แบบก้าวกระโดด เพราะสังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ หันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการยา หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะทำให้ชื่อเสียงขององค์กรและแบรนด์เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างฐานทุนให้แข็งแกร่ง มีแหล่งระดมทุนที่หลากหลาย สามารถรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตได้เป็นอย่างดี"นายสมภพ กล่าว

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 25 สาขา โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีการขยายสาขาปีละ 4-5 แห่ง บนทำเลที่ดีมีศักยภาพสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อผลักดันการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

"HL มีเป้าหมายหลักของการเข้าจดทะเบียนใน mai เพื่อจะยกระดับมาตรฐานองค์กร สามารถตรวจสอบได้ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าจะมีความมั่นใจในการเลือกซื้อยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์กว่า 10,000 รายการของบริษัทฯ ซึ่งมีคุณภาพได้มาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี"

เขาได้กล่าวถึงภาพรวมผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มฯบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 791.21 ล้านบาทในปี 2561, จำนวน 915.51 ล้านบาทในปี 2562 และจำนวน 1,080.11 ล้านบาทในปี 2563 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 15.71% และ17.98% สำหรับปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 556.76 ล้านบาท

ขณะที่ กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากจำนวน 0.39 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มเป็น จำนวน 21.77 ล้านบาทในปี 2562 และเป็นจำนวน 52.08 ล้านบาท ในปี 2563 ส่วนงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2564 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 32.29 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 5.80 โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 5.09 และเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 4.82 จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมทั้งมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่เป็นผลิตภัณฑ์ของเฮลทิเนส เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นของปี 2563 อยู่ที่ 21.89% และงวด 6 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 22.27% อันเนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์เพิ่มขึ้น

บมจ.เฮลท์ลีด ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่งได้แก่ 1.บริษัท ไอแคร์ เฮลท์ จำกัด (Icare Health Company Limited) (ไอแคร์ เฮลท์) เป็นบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100 % โดยไอแคร์ เฮลท์ ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจร้านขายยา จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ รวมกว่า 10,000 รายการ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาทั้งหมด 4 แบรนด์ ปัจจุบันมี 25 สาขา ได้แก่ iCare 10 สาขา, PharmaX 11 สาขา, vitaminclub 3 สาขา และ Super Drug 1 สาขา และ 2. บริษัท เฮลทิเนส จำกัด (Healthiness Company Limited) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% โดยประกอบธุรกิจหลัก คือ คิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้ 2 แบรนด์ ดังนี้ PRIME เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก มีผลิตภัณฑ์จำนวนทั้งหมด 24 SKU และ Besuto เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก ซึ่งมีจำหน่ายทั้งหมด 9 SKU โดยส่วนใหญ่จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัท

บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 136 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 136 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 272 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

HL เตรียมขายไอพีโอ 72 ล้านหุ้น ปักหมุดระดมทุน mai ในไตรมาส 4/64 โชว์ศักยภาพธุรกิจร้านขายยารายแรกเข้าตลาดหุ้น