ธอส. ได้รับการประเมิน "Composite Rating" ประจำปี 64 โดย ธปท. ในระดับที่ดีขึ้น และคงอันดับเครดิตที่ระดับสูงสุด AAA(tha) และ F1+(tha) เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน

01 Nov 2021

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผย ได้รับการประเมินผลจัดระดับ Composite Rating ประจำปี 2564 จาก ธนาคารแห่งประเทศไทยในระดับที่ดีขึ้น เป็นผลจากการดำเนินงานได้ตามพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" พร้อมใช้เทคโนโลยีบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบการตรวจสอบและบริหารความเสี่ยงที่ดี ขณะเดียวกัน บริษัทจัดอันดับเครดิต "ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)" คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ธอส. ที่ระดับสูงสุด "AAA(tha)" และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ "F1+(tha)" และมีอันดับเครดิตคงที่ (Stable) เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มั่นคงและมีเสถียรภาพ

ธอส. ได้รับการประเมิน "Composite Rating" ประจำปี 64 โดย ธปท. ในระดับที่ดีขึ้น และคงอันดับเครดิตที่ระดับสูงสุด AAA(tha) และ F1+(tha) เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการประเมินการ จัดระดับโดยรวมของสถาบันการเงิน (Composite Rating) ประจำปี 2564 จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธอส. ได้รับผลการประเมินในระดับที่ดีขึ้นจากตรวจสอบครั้งก่อนในปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารสามารถดำเนินงานได้ตามพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" ได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานปี 2563 ที่ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 225,151 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 67 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร ต่อเนื่องถึง ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ที่ยังปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 166,173 ล้านบาท และให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน มีลูกค้าเข้ามาตรการรวมสูงสุดถึง 968,555 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 842,056 ล้านบาท พร้อมกับมุ่งพัฒนาบริการผ่านช่องทาง Digital เห็นได้จากจำนวนผู้สมัครใช้งาน Application : GHB ALL ล่าสุดมีจำนวนกว่า 1.2 ล้านราย [คิดเป็น 55% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด] โดยมีจำนวนธุรกรรมผ่าน GHB ALL ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ถึง 34.21% รวมถึงนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการดำเนินงานภายในองค์กร เพื่อมุ่งสู่การเป็น Digital Bank ในอนาคต และนำเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูลด้วยวิธี Data Analytic มาใช้ เพื่อนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ ส่งผลดีต่อระบบงานคัดกรองเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ระบบการติดตามสถานะลูกหนี้ และตรวจสอบภายในองค์กร พร้อมกันนี้ธนาคารยังมีระบบการบริหารความเสี่ยงและการตรวจสอบที่ดีตามกระบวนการ Three Lines of Defense เครื่องมือในการตรวจสอบกระบวนการทำงานในแต่ละระดับ ส่งผลให้เกิดกระบวนการกำกับดูแลที่ดีและบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ล่าสุด ธอส. ยังได้รับการประเมินอันดับเครดิตจาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด สถาบันการจัดอันดับเครดิตที่มีความน่าเชื่อถือระดับสากล โดยประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ธอส. "ที่ระดับสูงสุด" AAA(tha) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ F1+(tha) เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2555 โดยเป็นอันดับเครดิตที่สูงสุดสำหรับการจัดอันดับเครดิตในประเทศ และมีแนวโน้มอันดับเครดิตคงที่ (Stable) ต่อไป แสดงถึงการเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาโดยตลอด ทั้งในรูปแบบของการปรับโครงสร้างหนี้ และการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระคืนเงินกู้

ทั้งนี้ ในการจัดอันดับเครดิตของ ธอส. นั้น ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า ธอส. เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ภายใต้พระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ.2496 โดยมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐในการส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้ จึงได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากรัฐอย่างทันท่วงทีในกรณีที่มีความจำเป็น แม้ที่ผ่านมาธนาคารจะยังไม่มีความจำเป็นในการรับความช่วยเหลือจากรัฐ เนื่องจากมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ค่อนข้างดี สะท้อนจากเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 14.3% ในครึ่งปีแรกของปี 2564 ซึ่งการจัดอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพทางเครดิตและประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการองค์กรที่ดี ในการจัดการทางการเงิน และขับเคลื่อนภารกิจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของธนาคารต่อไป

ธอส. ได้รับการประเมิน "Composite Rating" ประจำปี 64 โดย ธปท. ในระดับที่ดีขึ้น และคงอันดับเครดิตที่ระดับสูงสุด AAA(tha) และ F1+(tha) เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน