WHAUP พื้นฐานแน่น ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตที่ระดับ "A-" พร้อมปรับแนวโน้มขึ้นเป็น "คงที่" ตอกย้ำการเติบโตของรายได้จากธุรกิจน้ำ-ไฟและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

28 Oct 2021

บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ WHAUP เผยทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ที่ระดับ "A-" พร้อมปรับแนวโน้มขึ้นเป็น "คงที่" สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

WHAUP พื้นฐานแน่น ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตที่ระดับ "A-" พร้อมปรับแนวโน้มขึ้นเป็น "คงที่" ตอกย้ำการเติบโตของรายได้จากธุรกิจน้ำ-ไฟและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

ดร. นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" พร้อมปรับแนวโน้มอันดับเครดิตขึ้นเป็น "คงที่" นั้นสะท้อนถึงมุมมองบวกจากแนวโน้มการเติบโตของรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการขยายกำลังการผลิต และลูกค้ารายใหม่ที่เริ่มทยอยเปิดดำเนินการ เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มปิโตรเคมี ในขณะที่ธุรกิจพลังงานยังคงได้รับกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผลรับจากธุรกิจไฟฟ้า และการรับรู้รายได้โครงการโซลาร์รูฟท็อปที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ มีฐานรายได้และส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการชำระหนี้และการดำเนินงานของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวเสริมว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจนั้น บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจสาธารณูปโภคภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม รวมถึงพัฒนาแหล่งน้ำดิบทางเลือก และผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เช่น โครงการ Wastewater Reclamation และการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) ควบคู่ไปกับการพัฒนา Smart Utilities Service Platform และ Innovative Solutions เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ในขณะที่ในส่วนของธุรกิจด้านพลังงานโดยเฉพาะธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทฯ ยังคงมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมที่ 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 ควบคู่กับการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียนโดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นต้น