TK เตรียมขยายสาขาใน สปป. ลาว ขณะพร้อมเข้าเจรจาทันทีที่สถานการณ์ในเมียนมาคลี่คลาย

14 Jun 2021

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับกิจการในต่างประเทศตามแผนการเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้ในตลาดต่างประเทศและลูกหนี้ในประเทศเป็น 50:50 ได้ในปี 2565 ล่าสุด ได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่ง สปป. ลาว ให้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ในขณะที่การซื้อกิจการ MFIL ในเมียนมายังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ทั้งนี้ พร้อมเข้าดีลต่อเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ ในเมียนมากลับสู่สภาวะปกติ ด้านกิจการในกัมพูชาที่ผ่านมามีการชัตดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้รายได้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลงเป็นครั้งแรก จากเดิมที่เติบโตเฉลี่ย 55% ต่อเนื่องมากว่า 5 ปี อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกหนี้เช่าซื้อในไตรมาสแรกยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากปรับตัวลดลงในปีก่อน 16% คาดวัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดในทุกประเทศ ทั้งนี้ TK มีเงินสดในมือพร้อมเข้า M&A หรือควบรวมกิจการ รวมทั้งขานรับโอกาสการขยายธุรกิจอื่น ๆ ที่เข้ามา ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ทันที

TK เตรียมขยายสาขาใน สปป. ลาว  ขณะพร้อมเข้าเจรจาทันทีที่สถานการณ์ในเมียนมาคลี่คลาย

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวว่า TK ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ทางธุรกิจในการเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้ในตลาดต่างประเทศและลูกหนี้ในประเทศเป็น 50:50 ได้ในปี 2565 ควบคู่กับการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจภายในประเทศ เช่น การลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างการดำเนินธุรกิจการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการรอรับใบอนุญาตฯ โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตและจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2564 นี้

"สำหรับตลาดต่างประเทศ ข่าวดีคือ เราเพิ่งได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่ง สปป. ลาว ให้เปิดสาขาเพิ่มได้อีก 3 สาขา ในปากเซ เชียงขวาง และอุดมชัย ส่งผลให้เราจะมีจำนวนสาขาใน สปป. ลาว เพิ่มจาก 3 สาขา เป็น 5 - 6 สาขา ภายในสิ้นปี 2564 นี้ นับว่าเป็นการเติบโตของจำนวนสาขาแบบก้าวกระโดดเป็นเท่าตัว โดยใน สปป. ลาว ตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากสภาวะการแข่งขันในประเทศยังไม่รุนแรง" นางสาวปฐมา อธิบาย

ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดีลการซื้อกิจการ Myanmar Finance International Limited หรือ MFIL ผู้ให้บริการสินเชื่อในเมียนมาว่า ขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการเจรจา เนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประกอบกับสถานะการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมา ส่งผลกระทบกับดีลดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของราคาการซื้อขายกิจการ และการส่งบุคลากรเดินทางเข้าไปทำงาน จึงจำเป็นต้องชะลอดีลดังกล่าวไว้ รอจนกว่าสถานการณ์ต่าง ๆ กลับมาสู่ภาวะปกติ

"ที่เมียนมาเรายังไม่ได้ขยายสาขาเพิ่ม เพราะกำลังอยู่ในช่วงดีลซื้อกิจการ MFIL ซึ่งขณะนี้ยังปิดดีลไม่ได้ เพราะเกิดสถานการณ์โรคระบาดระรอกใหม่ ทำให้คนของเราเข้าทำงานไม่ได้ รวมทั้งเกิดสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมา ซึ่งส่งผลให้ทุกอย่างชะงัก ล่าสุดเราได้ขออนุมัติที่ประชุมกรรมการบริหารและที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอเข้าซื้อ MFIL ที่ 75% ก่อน เนื่องจากทาง MFIL ไม่สามารถโอนหุ้นทั้งหมด 100% ในคราวเดียวได้ รวมทั้งจะต้องมีการเจรจาเรื่องราคากันใหม่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราเตรียมพร้อมไว้ เนื่องจากจะต้องชะลอดูสถานการณ์ต่าง ๆ ในเมียนมาให้กลับมาเป็นปกติ ปลอดภัย และสามารถกลับไปทำธุรกิจได้ เราจึงจะดำเนินงานต่อ"

ด้านกิจการในกัมพูชา ที่ผ่านมามีการชัตดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ในไตรมาสแรกลดลงเป็นครั้งแรก จากเดิมที่เติบโตเฉลี่ย 55% ต่อเนื่องมากว่า 5 ปี อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกหนี้เช่าซื้อในไตรมาสแรกยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากปรับตัวลดลงในปีก่อน 16% ซึ่ง TK ยังมั่นใจและมองเห็นโอกาสของตลาดเช่าชื้อรถจักรยานยนต์ในกัมพูชา กล่าวคือ สภาวะการแข่งขันในกัมพูชาที่ยังไม่สูงนัก อีกทั้งสัดส่วนการซื้อสด เช่าซื้อ ตัวเลขจำนวนรถจักรยานยนต์ : จำนวนประชากร เศรษฐกิจของประเทศที่ยังเติบโตได้ดี พร้อมเชื่อมั่นว่าวัคซีนจะเป็นเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในทุกประเทศ ทั้งนี้ TK พร้อมเข้าควบรวมกิจการ (M&A) รวมทั้งเปิดรับโอกาสการขยายกิจการในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เข้ามา ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ทันที ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 1/2564 TK มีเงินสดในมือ 1,606.0 ล้านบาท

TK เตรียมขยายสาขาใน สปป. ลาว  ขณะพร้อมเข้าเจรจาทันทีที่สถานการณ์ในเมียนมาคลี่คลาย