'JKN' เดินหน้าโกยรายได้จากกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ หลังปิดการขายต่างประเทศต่อเนื่อง ยืนหนึ่งตัวจริงในภูมิภาคอาเซียน

10 Jun 2021

'บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN' ตอกย้ำผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน โชว์ความสำเร็จขยายตลาดต่างประเทศ หลังปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้กับประเทศอียิปต์และประเทศบรูไนเพิ่ม หนุนมูลค่างานในมือเพิ่มต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามแผน

'JKN' เดินหน้าโกยรายได้จากกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์   หลังปิดการขายต่างประเทศต่อเนื่อง ยืนหนึ่งตัวจริงในภูมิภาคอาเซียน

คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากลเปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ตามแผน จากจุดแข็งด้านความหลากหลายของลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มี 8 กลุ่ม ครอบคลุมทุกความบันเทิงและสาระความรู้ ได้แก่ ซีรีส์จีน ซีรีส์อินเดีย ซีรีส์ฟิลิปปินส์ และสารคดีจากแบรนด์ดังระดับโลก จึงทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้าเลือกซื้อลิขสิทธิ์ไปออกอากาศผ่านช่องทีวีดิจิทัล รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดต่างประเทศมีอัตราการเติบโตด้านคอนเทนต์อย่างก้าวกระโดด และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการสร้างรายได้ของกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งนอกเหนือจากคอนเทนต์ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของสิทธิ์แล้ว บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากช่อง 3 ให้เป็นตัวแทนนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยระดับคุณภาพออกไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศใน CLMV ก่อนขยายตลาดไปยังประเทศอาเซียน และทวีปอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงได้รับความเชื่อมั่นจากช่อง 8 และช่อง PPTV ให้ JKN เป็นตัวแทนทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา JKN ส่งออกลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปมากกว่า 20 ประเทศ เช่น มาเลเซีย บังคลาเทศ ภูฎาณ ศรีลังกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ แอฟริกาใต้ ดันรายได้สร้างเม็ดเงินรายได้ถึง 665 ล้านบาท

ไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในตลาดต่างประเทศของ JKN ยังเติบโตถึง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ซึ่งล่าสุด JKN ปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศอียิปต์ และประเทศบรูไนได้เพิ่มเติม รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มขึ้น จึงช่วยสนับสนุนมูลค่างานในมือสูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งเกร่งแก่กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในปีนี้ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนของ JKN ได้เป็นอย่างดี

"กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่างประเทศ แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำตลาดและปิดการขายคอนเทนต์ในประเทศใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น รวมถึงฐานลูกค้าเดิมก็ยังไว้วางใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ JKN ได้เป็นอย่างดี" คุณแอน-จักรพงษ์ กล่าว