"PLANET" กำไรขั้นต้นพุ่ง หนุนผลงาน Q1/64 พลิกกำไรเพิ่มขึ้น แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร รุกตลาดอัจฉริยะ ลุ้นโตก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ เติบโต 25%

14 May 2021

PLANET ปรับกลยุทธ์ บริหารต้นทุนคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ดันกำไรขั้นต้นพุ่ง หนุนผลงาน Q1/64 พลิกกำไรเพิ่มขึ้น "ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์" แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร รุกตลาดอัจฉริยะ ลุ้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งเป้าปี 64 รายได้ เติบโต 25%

"PLANET" กำไรขั้นต้นพุ่ง หนุนผลงาน Q1/64 พลิกกำไรเพิ่มขึ้น แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร รุกตลาดอัจฉริยะ ลุ้นโตก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ เติบโต 25%

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 84.36 ล้านบาท ลดลง 83.01 ล้านบาท หรือ 49.60% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2563 โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าที่ลดลง 83.51 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการชะลอตัวของการลงทุนในโครงการใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนในปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ รายได้จากการบริการยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก

อย่างไรก็ตาม จากการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 0.13 ล้านบาทหรือคิดเป็น 0.15 % ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 15.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.76 % ของรายได้รวม บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 15.19 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 100.86%

นายประพัฒน์ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีต้นทุนขายและบริการ จำนวน 51.36 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.88% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และมีอัตรากำไรขั้นต้น 39.12% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2563 ซึ่งมีต้นทุนขายและบริการคิดเป็นอัตรา 86.33% และกำไรขั้นต้นคิดเป็น 13.67% ของรายได้รวม ต้นทุนขายลดลง 25.45% สาเหตุมาจาก บริษัทฯ ได้มีนโยบายในการบริหารต้นทุนของงานโครงการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าของงานโครงการในไตรมาสนี้ต่ำกว่าต้นทุนโดยเฉลี่ยของสินค้าที่ขายโดยปกติ ด้วยสัดส่วนยอดขายที่สูงของงานโครงการ ต้นทุนโดยรวมจึงลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 25.45%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 1.50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2563 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขาย 8.75 ล้านบาท หรือลดลง 17.14 % ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ลดลง 6.92 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2563 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร 27.95 ล้านบาท หรือลดลง 24.76% เนื่องมาจาก การมีมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายบริหารในช่วงสถานการณ์ COVID-19

"ถึงแม้วิกฤต COVID-19 จะส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัทฯมีรายได้รวมลดลงถึง 49.60% หรือลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปี 2563 จำนวน 83.01 ล้านบาท แต่บริษัทฯยังสามารถทำกำไรได้จากการกำหนดนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นได้ถึง 25.45% อีกทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลงจำนวน 8.42 ล้านบาทหรือลดลง 22.94%" นายประพัฒน์กล่าว

นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ทิศทางธุรกิจหลังจากนี้ มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากบริษัทฯได้ Transform ตัวเองสู่การเป็น Digital Technology Provider อย่างเต็มตัวแล้ว และอยู่ระหว่างการขยายการลงทุนในธุรกิจรูปแบบใหม่เกี่ยวกับสินค้าเทคโนโลยีดิจิทัล และสินค้าด้านเทคโนโลยี 5จี อาทิ Cloud Computing, IoT Platform, CCTV/Video Analytics, Data Center, Telemedicine และ Energy ผ่านโครงข่ายสื่อสาร 5จี ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเข้าไปขยายธุรกิจในกลุ่มตลาดใหม่ๆที่มีแนวโน้มต้องการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะสูง และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดและมีแนวโน้มขยายตัวสูงมากในอนาคต

ประกอบด้วย ตลาดในกลุ่มเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตลาดในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Factory) ตลาดสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Office) และตลาดกลุ่มการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Smart Healthcare) ดังกล่าว สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ มีเป้าหมายจะผลักดันผลประกอบการปี 2564 ให้มีรายได้เติบโต 25%

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit