เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ภาคยานยนต์และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดดเด่น

15 Feb 2021
ทีมวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว สอดคล้องกับสัญญาณการผลิตทั่วโลกที่เร่งขึ้น ตามความต้องการในหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคยานยนต์ ที่คำสั่งเพิ่มขึ้น ผสานเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เติบโตรับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปหลัง COVID-19 นำมาซึ่งธีม "Improving Demand in Manufacturing : AUTO & Packaging" โดยเลือก EPG เป็นหุ้นเด่นสำหรับ Theme ในสัปดาห์นี้ความต้องการภาคการผลิตทั่วโลกเร่งขึ้น : แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังมีทิศทางฟื้นตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการใช้กำลังการผลิตทั่วโลกที่มากขึ้น สะท้อนจากความต้องการของโลกที่ฟื้นตัว หลังความคืบหน้าในการแก้ปัญหา COVID-19 มีความชัดเจนมากขึ้น จากความสำเร็จของการผลิตวัคซีนต้าน COVID-19 ของหลายบริษัทที่ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ดี และได้มีการกระจายวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น ส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งความต้องการพลังงาน, อาหาร, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ก็มีการฟื้นตัวที่โดดเด่นเช่นเดียวกันยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์มีสัญญาณการฟื้นตัวดี : ยอดผลิตรถยนต์ไตรมาส 4Q63 ฟื้นตัวขึ้นที่ระดับ 464,784 คัน (+30%QoQ, +5%YoY) และคาดอุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีพัฒนาการเชิงบวกต่อเนื่อง โดยประเมินยอดผลิตรถยนต์ปี 2564 จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.7 ล้านคัน เติบโต +19%YoY ส่วนทางด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ คาดจะเร่งตัวขึ้นอย่างโดดเด่นเช่นกัน จากภาคการบริโภคที่ดีขึ้น ผสานกับการเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเปลี่ยนพฤติกรรมบางส่วนของผู้บริโภค เข้าสู่ภาวะ New Normal ส่งผลให้ยอดการสั่งอาหารแบบ Delivery ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือการสั่งอาหารแบบ Takeaway ก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นมากเช่นกัน ถือเป็นปัจจัยหนุนที่บ่งชี้ถึงความต้องการบรรจุภัณฑ์มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นEPG (BUY,11.0) เป็นหุ้นเด่นสำหรับ Theme ในสัปดาห์นี้:
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ภาคยานยนต์และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดดเด่น

ผู้นำธุรกิจแปรรูปพลาสติกระดับเวิร์ดคลาส ที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น ผ่าน 3 ธุรกิจหลัก คือ คือ 1) ผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) 2) ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) 3) ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP)รายงานกำไร 3Q63/64 แข็งแกร่ง ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 431 ล้านบาท (+40%QoQ, +102%YoY) และคาดปี 2564/65 - 2565/66 ทั้ง 3 ธุรกิจหลักจะเข้าสู่วงจรการเติบโตเด่น เร่งอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 29.1% ในปี 2562/63 สู่ระดับ 31.7%-31.9% และ กำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 14%CAGR สู่ระดับ 1,476 ล้านบาทฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้น 3Q63/64 มีเงินสดในมือ 1,393 ล้านบาท เทียบกับภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยเพียง 2,257 ล้านบาท มีส่วนผู้ถือหุ้น 10,539 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564/65 เท่ากับ 18.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Forward P/E เท่ากับ 19 เท่า EV/EBITDA 12.5 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.8%