สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดยศูนย์รวมนวัตกรรม KMITL GO FIGHT COVID-19 ร่วมแก้ปัญหาสถานการณ์ โควิด-19 ในประเทศไทย ผ่านการผลิตและส่งมอบนวัตกรรมทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขกว่า 300 แห่ง ใน 66 จังหวัด ไปแล้วกว่า 800 ชิ้น โดยนวัตกรรมต่าง ๆ ถูกพัฒนาขึ้นโดยคณะอาจารย์ นักศึกษา และทีมวิจัยสจล. ซึ่งได้รับการทดสอบโดยศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ PTEC ตามมาตรฐาน IEC 60601-1 ด้านความปลอดภัย อาทิ เครื่องช่วยหายใจแบบฉุกเฉิน ระบบคัดกรองบุคคลด้วย AI ตู้ตรวจเชื้อ (Swab Test) ความดันบวก ความดันลบ พร้อมทั้งเปิดตัวหุ่นยนต์ RAIBO-X ฆ่าเชื้อโรค ด้วยแสง UV ครั้งแรกของคนไทย นอกจากนี้ สจล. ยังมีแผนเตรียมผลิตเพิ่ม ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ ตู้ตรวจเชื้อ ความดันบวก/ลบ และชุด PAPRs จากความต้องการนวัตกรรมเป็นจำนวนมาก และในอนาคตอันใกล้จะพัฒนาเป็น โรงพยาบาลพระจองเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMC hospital) เพื่อคนไทย ภายใต้แนวคิดเดียวกัน ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนการผลิตเพื่อแจกจ่ายแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ ได้ที่ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 693-031-750-0 สาขา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชื่อบัญชี สจล. นวัตกรรมสู้ COVID-19" หรือติดต่อขอรับนวัตกรรมได้ที่ สำนักงานบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม (KRIS) หรือโทร. 084-068-7731
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สจล. โดยศูนย์รวมนวัตกรรม KMITL GO FIGHT COVID-19 ได้เดินหน้าแผนเชิงรุกส่งนวัตกรรมทางการแพทย์สู้โควิด-19 ตั้งแต่การแพร่ระบาดรอบแรกจนกระทั่งรอบใหม่ ซึ่งได้ส่งมอบนวัตกรรมแล้วกว่า 800 ชิ้น ไปยังโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุข 300 แห่ง ใน 66 จังหวัด อีกทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศกว่า 30 ชิ้น ได้แก่ มัลดีฟส์ ลาว และพม่า เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนในด้วยสุขอนามัยและใช้ตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงแบบเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ทั่วประเทศและต่างประเทศ โดยมีเกณฑ์ในการส่งมอบนวัตกรรม ได้แก่ เป็นโรงพยาบาลภายใต้การกำกับของรัฐ โรงพยาบาลที่แต่งตั้งเป็นศูนย์โควิด-19 ศูนย์คัดกรองโควิด-19 หรือมีผู้ป่วยที่เฝ้าระวังและสอบสวนโรค เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ติดชายแดน และมีหนังสือขอความอนุเคราะห์มาจากหน่วยงานหรือกระทรวงสาธารณสุข
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นวัตกรรมต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยคณาอาจารย์ นักศึกษา และทีมวิจัยสจล. ซึ่งได้รับการทดสอบจากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ PTEC ตามมาตรฐาน IEC 60601-1 ด้านความปลอดภัย เพื่อนำไปใช้เสริมทีมบุคลากรทางการแพทย์ในการรองรับประชาชน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ก้าวผ่านจุดวิกฤติมาได้ นั่นก็คือความสามารถและความรวดเร็วในการปรับตัวของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อรองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่าง ๆ ดังนั้น สจล. จึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยนวัตกรรมที่ได้ผลิตและส่งมอบนำไปใช้แล้ว ได้แก่
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นล่าสุด หุ่นยนต์ RAIBO-X ฆ่าเชื้อโรค ด้วยแสง UV ครั้งแรกของคนไทย โดยฝีมืออาจารย์และนักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. โดยมีประสิทธิภาพที่จะสามารถฆ่าเชื้อโรค ด้วยแสง UV-C ในรัศมี 1 - 1.5 เมตร ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสิ่งมีชีวิตหรือเชื้อโรคขนาดเล็ก อาทิ ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งหุ่นยนต์ RAIBO-X มีการใช้งานด้วยระบบ AI ทำให้สามารถควบคุมระยะไกลผ่านรีโมทคอนโทรล เพื่อความปลอดภัยของผู้ควบคุม เนื่องจากแสง UV มีรังสีที่อันตรายจึงต้องควบคุมจากด้านนอกพื้นที่ แต่ยังมีความสะดวกในการใช้งานด้วยระบบแบบไร้สาย จะทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างละเอียดและควบคุมได้ง่ายและปลอดภัย
"แม้เราจะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เก่งรอบด้าน แต่สิ่งที่ไทยยังขาดอยู่ก็คือความสามารถในการผลิตเครื่องมือแพทย์ วัคซีน ตลอดจนเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถใช้ได้ทันท่วงทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยในปัจจุบัน สจล. ยังพบว่าหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ยังมีความต้องการนวัตกรรมในจำนวนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งขณะนี้ทางสจล. มีนวัตกรรมที่เหลืออยู่ไม่มากซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการในช่วงวิกฤติ ซึ่งสามารถผลิตนวัตกรรมเพิ่มได้ โดยมีแผนจะผลิตเพิ่ม ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ ตู้ตรวจเชื้อ ความดันบวก/ลบ และชุด PAPRs
ทั้งนี้ สจล. เล็งเห็นถึงความสำคัญของ "นวัตกรรมทางการแพทย์" และมีความตั้งใจที่จะสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยฝีมือคนไทย รวมทั้งนวัตกรรมข้างต้นนั้น ถูกสร้างสรรค์มาเพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายใต้ศูนย์ KMITL GO FIGHT COVID-19 และในอนาคตอันใกล้ได้พัฒนาเป็น โรงพยาบาลพระจองเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMC hospital) เพื่อคนไทยภายใต้แนวคิดเดียวกัน ในการวิจัยนวัตกรรมทางการแพทย์ผ่านการบูรณาการองค์ความรู้หลากสาขา ให้สามารถผลิตนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาด้านสุขภาพและโรคระบาดของประชาชน สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการนำเข้านวัตกรรมจากต่างประเทศ ในฐานะที่สจล. เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในการคิดค้น วิจัย และพัฒนานวัตกรรมที่สามารถใช้ได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติในมิติต่าง ๆ รวมถึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเยาวชนไทย ให้มีความรู้ความสามารถเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศต่อไป ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวสรุป
ประชาชนที่สนใจร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนการผลิตเพื่อแจกจ่ายแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 693-031-750-0 สาขา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชื่อบัญชี สจล. นวัตกรรมสู้ COVID-19" หรือติดต่อขอรับนวัตกรรมได้ที่ สำนักงานบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม (KRIS) หรือโทร. 084-068-7731
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit