Saba Industries Group ทุ่ม 100 ล้านดอลลาร์ลงทุนภาคการผลิตข้าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – Saba Industries Group ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตเอกชนและผู้ส่งออกข้าวและสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก เตรียมลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมการผลิตข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวให้ทันสมัย พร้อมส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวนา การลงทุนครั้งนี้จะมีระยะเวลาทั้งสิ้น 2 ปี
กระทรวงเกษตรฯ ปลื้มความสำเร็จแหล่งผลิตข้าวอินทรีย์ จ.นครพนม ได้รับรองมาตรฐาน 996 ราย ครอบคลุมพื้นที่ปลูก 11,600 ไร่ พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ เน้นการรวมกลุ่ม รุกการตลาดนำการผลิต – ด้าน นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันจังหวัดนครพนมมีผลิตภัณฑ์ข้าวสารอินทรีย์จากวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ มากมาย อาทิ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง (แบรนด์ ข้าวสุข) วิสาหกิจชุมชนพึ่งตนเองบ้านหนองสะโน
รัฐมนตรีช่วยฯ “ชุติมา” เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร จับคู่ผู้ประกอบการและกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือก – กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเร่งผลักดันการเชื่อมโยงตลาด โดยจับคู่กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวอินทรีย์และข้าว GAP กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ และจัดให้มีการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายผลผลิตข้าวจากโครงการฯ
“รมช.ชุติมา” ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย เผยจังหวัดศรีสะเกษผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาด 28 ราย จับคู่กับกลุ่มเกษตรกร 64 กลุ่ม ทำ MOU แล้วจะรับซื้อข้าวอินทรีย์และข้าว GAP จำนวน 8,291 ตัน – อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งผลักดันให้ทั้ง 3
“รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ” ชื่นใจ ชาวนาศรีสะเกษหัวใจอินทรีย์ – นางสาวชุติมา กล่าวต่อไปว่า ในการลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษครั้งนี้ ได้เห็นความตั้งใจจริงของเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนมาทำนาอินทรีย์ โดยเกษตรกรให้ข้อมูลว่า เดิมข้าวหอมมะลิหอมมาก แต่หลังจากทำนาโดยพึ่งสารเคมี ทำให้ความหอมลดลง คนในหมู่บ้านก็สุขภาพไม่ดี จึงชักชวนสมาชิกให้ปรับเปลี่ยนมาทำข้าวอินทรีย์ นอกจากนี้สัตว์ อาทิ กบ เขียด ปู ปลา ที่เคยหายไปจากท้องนาก็เริ่มกลับคืนมามากขึ้น สุขภาพของสมาชิกก็ดีขึ้น